“ฌอน บูรณะหิรัญ” นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ กลับมาโพสต์ข้อความอีกครั้งหลังหายหน้าไปเป็นเวลานาน พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่เคยทอดทิ้ง นอกจากนี้ได้ระบุ 4 ประเด็นสำคัญที่อยากบอกกล่าวสู่สังคม
วันนี้ (21 ก.ย.) “ฌอน บูรณะหิรัญ” นักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ขอความหลังจากที่เงียบหายไปเป็นเวลานาน หลังเจอดรามากับเงินบริจาคดับไฟป่าที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย “ใช้ผิดวัตถุประสงค์-ไม่โปร่งใส-ไม่ถึงมือคนรับ” แถมโดนขุดประวัติยับ สร้างโปรไฟล์เป็นนักสู้ยิ่งกว่าหนังฮอลลีวูด!?! สังคมตั้งคำถาม ใช้เงินบริจาคถูกจุดมั้ย!?! ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Sean Buranahiran - ฌอน บูรณะหิรัญ” ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะได้พูดชื่นชม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก จนเกิดกระแสด้านลบตามมามากมาย อย่างไรก็ตาม ฌอนได้กลับมาระบุข้อความพร้อมกับโพสต์คลิปวิดีโออีกครั้ง โดยเข้ามาขอบคุณกำลังใจ อีกทั้งยังได้ระบุ 4 ประเด็นที่อยากสื่อสารกับสื่อโซเชียล โดยได้ระบุข้อความว่า
“สวัสดีครับเพื่อนๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทีมงาน และผู้คนในชีวิตจริงโดยที่ไม่ได้ใช้ Social Media เลย (และจะยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ ครับ) วันนี้ผมแวะเข้ามาเพื่อมาขอบคุณสำหรับกำลังใจที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งในทาง Inbox และ ตอนที่ได้พบเจอกันในที่ต่างๆ ผมรู้สึกอบอุ่นและซึ้งใจมากครับ ในคลิปจะเป็นบรรยากาศบางส่วนในแต่ละวันที่ผ่านมาที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนครับ ขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่เห็นผมตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาที่ประเทศไทย ท่านไม่เคยทอดทิ้งผมแม้ในยามที่ผมมีความทุกข์ใจที่สุด ยังคงเชื่อมั่นในตัวผม คอยอบรมสั่งสอนชี้ให้เห็นในสิ่งที่ผมผิดพลาดไป และประคับประคองจิตใจให้ผมค่อยๆ แก้ไขปัญหาไปทีละขั้น ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เคยสัมผัสถึงตัวตนของผม และยังเชื่อใจผม กรุณาคอยเตือน และส่งความห่วงใยมาโดยตลอด ผมจะไม่มีวันจะลืมพระคุณครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ปรารถนาดี ที่ยินดีที่จะรับรู้เรื่องราวจากทางผม
ผมมี 4 ประเด็นที่อยากสื่อสารกับเพื่อนๆ ดังนี้ครับ
1. เงินที่ผู้มีจิตศรัทธาสมทบเข้ามาในช่วงเดือน มี.ค. 2563 - เม.ย.2563 ที่ผ่านมาจำนวนเต็มคือ 1,346,887.73 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นหกพันแปดร้อยแปดสิบเจ็ดบาทเจ็ดสิบสามสตางค์) โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น* ขณะนี้เราได้ทำเป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างยั่งยืน โดยมีที่ปรึกษาเป็นพระครูธีรสุตพจน์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด จังหวัดเชียงใหม่, ครูบาอาจารย์, นักขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสบการณ์ และ มีคณะกรรมการในการร่วมตัดสินใจในทุกๆ ขั้นตอน หากท่านใดที่ต้องการจะมีส่วนร่วมทั้งการเป็นจิตอาสา ทั้งการเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม หรือ เป็นชุมชนใดที่ต้องการเตรียมการเพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่าในปีหน้า เช่น การสร้างแนวกันไฟ ฝาย ปลูกป่าเปียก หรือ ต้องการอุปกรณ์ต่างๆ สามารถติดต่อเข้าไปที่เพจ “รักษ์ไม่มีเงื่อนไข” ได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/unconditionalproject
2. ที่ผ่านมาผมได้ให้ความร่วมมือเต็มที่กับเจ้าหน้าที่สอบสวน ไม่เคยมีการหลบหนีใด ๆ โดยหลักฐานทั้งหมดได้อยู่ในมือของผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ อยู่ในกระบวนการที่ถูกต้อง และ กำลังอยู่ในความดูแลของทีมกฎหมาย (หลักฐานเรื่องการซื้อบ้าน ซื้อรถ จากรายได้โดยสุจริต ทุกอย่างได้ดำเนินการก่อนเรื่องรับบริจาค มีการเสียภาษีที่เป็นไปตามกฎหมายและมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้รับมาจากผู้มีจิตศรัทธา) ซึ่งส่วนนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไปนะครับ
3. ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้ไม่ได้ลงภาพหรือคลิปใดๆ แต่เรายังคงลงมือทำงานจิตอาสาอย่างต่อเนื่อง ขอขอบคุณทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้พวกเราเข้าไปเรียนรู้ด้านการพัฒนาสังคมเพราะทุกๆ ที่ที่ไป ทุกคนที่ได้เจอ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเสมอ
4. ผมขออภัยอีกครั้งหากสิ่งใดที่ผมเคยทำหรือสื่อสาร ทำให้ท่านเกิดความไม่สบายใจ ผมขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ ขอให้ยกโทษให้ผม เพราะด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วผมไม่มีเจตนาจะว่า หรือ ให้ร้ายต่อใคร และยินดีน้อมรับทุกถ้อยคำ เพื่อที่จะแก้ไข ปรับปรุงตนเองต่อไป ขอขอบคุณทุกท่าน ที่มีส่วนทำให้ผม ครอบครัว และเพื่อนๆ ได้มีโอกาสฝึกฝน พัฒนาตนเองทั้งกายและ จิตใจมากขึ้นครับ
(ส่วนเรื่องราวประวัติของผม ผมยินดีเผยที่มาที่ไปทุกอย่างด้วยความจริง พร้อมหลักฐานพร้อมตัวบุคคลที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผม หลังจากที่เรื่องทางกฎหมายต่างๆ เรียบร้อยลงตัว ในจังหวะเวลาที่เหมาะสมครับ)
ต่อจากนี้ไป ผมจะยังคงใช้ชีวิต Offline ยังไม่กลับมาใช้ Social Media อีกสักระยะ แต่จะยังคงลงมือทำเพื่อสิ่งแวดล้อม เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหา บรรเทาหมอกควัน ไฟป่า อย่างยั่งยืนสำหรับปีถัดไปในทุกๆสัปดาห์ เพราะปัญหานี้เรื้อรังมากว่า 10 ปี คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหมดไป แต่ผมก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ที่จะบรรเทาปัญหานี้
วันนี้ผมไม่ได้เดินโดยลำพังอีกต่อไป มีที่ปรึกษา ครูบาอาจารย์
มีคณะกรรมการที่คอยร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ผมอยากให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับพวกเขาด้วยครับ”