MGR Online - “สนธิ ลิ้มทองกุล” เขียนข้อความแสดงความไว้อาลัยจากการจากไปของ “เติมศักดิ์ จารุปราณ” เผยเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว ขอบคุณที่ตัดสินใจมาร่วมงานกัน 16-17 ปีที่แล้ว ขอบคุณที่มีความเชื่อมั่น และรักองค์กรนี้ จากวันแรกที่เข้ามาเริ่มงานด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
วันนี้ (8 ก.ย.) เฟซบุ๊กเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ได้เผยแพร่ภาพและข้อความไว้อาลัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ต่อกรณีการจากไปของ “เติมศักดิ์ จารุปราณ” พิธีกร-ผู้ประกาศข่าว News1 ระบุว่า
“ผมจะกล่าวถึงคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ อย่างไรดี
มันมีเรื่องราวที่ผมอยากจะพูดถึง เติมศักดิ์ฯ คนนี้ ซึ่งก็เหมือนกับน้องนุ่งคนหนึ่ง อายุอานามก็อาจจะเป็นลูกผมก็ได้ เพราะอายุก็ใกล้เคียงกับลูกชายผม
ชีวิตผมคร่ำหวอดมากับวงการสื่อสารมวลชน มาตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น ผมไม่กล้าจะพูดว่า ผมเป็นคนที่ดีที่สุด ในแวดวงสื่อสารมวลชน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
แต่ผมก็น่าจะอยู่ในอันดับของนักสื่อสารมวลชนที่เลวน้อยที่สุด ถ้ามีการจัดอันดับคนในวงการสื่อสารมวลชนที่เลวน้อยที่สุด ขึ้นมา 10 อันดับ
แต่ถ้าพูดถึงคนที่ผมรัก และเคารพจริงๆ และผมเชื่อว่า เขาน่าจะเป็นนักสื่อสารมวลชนที่ดีที่สุด 1 ใน 10 อันดับของประเทศไทย ก็น่าจะเป็น เติมศักดิ์ จารุปราณ ที่เพิ่งเสียชีวิตไป
เติมศักดิ์ฯ เป็นคนน่ารักมาก เป็นคนที่อ่อนโยนในการพูดจากับทุกคน แต่เป็นคนที่ไม่อ่อนแอเลย เมื่อมาถึงหลักการและความถูกต้องในสายอาชีพนี้
และบ่อยครั้งที่เติมศักดิ์ฯ แสดงความแข็งแรงในจุดยืนที่สะท้อนออกจากการแสดงออกของเติมศักดิ์ฯ ในสาขาวิชาชีพเขา ถึงจะแข็งแรงอย่างไร แต่เติมศักดิ์ฯ ก็ไม่แสดงออกถึงความแข็งกร้าว
อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว น่าจะเป็นคุณสมบัติของ เติมศักดิ์ จารุปราณ ที่ผมเชื่อว่า คนในแวดวงสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำหน้าที่วิเคราะห์และสรุปข่าวในบทบาทที่ เติมศักดิ์ฯ ได้ทำมาตลอดชีวิตเขา น่าจะเรียนรู้จากเติมศักดิ์ได้
แต่ก็นั่นอีกแหละ อาชีพอย่างเติมศักดิ์ฯ นั้นจะเปล่งศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อบรรยากาศขององค์กรนั้นเอื้อ และเปิดโอกาสให้เขาทำ โดยไม่มีอะไรมากดดันเขา หรือบีบบังคับเขา ไม่ให้เขามีการแสดงออกในทิศทางที่ถูกต้อง และสามารถให้เขาแสดงความกล้าหาญที่เต็มไปด้วยจริยธรรมในวิชาชีพ และคุณธรรม ในตัวของเติมศักดิ์ จารุปราณ
หลักการข้างบนที่ผมพูดมานี้ คือหลักการที่ผมสัญญากับเติมศักดิ์ฯ ในวันที่ผมชวนเขามาทำงานร่วมกับ ASTV ในยุคแรก ตอนที่ผมเริ่มตั้งสถานีโทรทัศน์ ASTV
16-17 ปีที่เติมศักดิ์ฯ อยู่กับผมมา ผมรู้ว่าเขามีความสุขมากกับการทำงานในสาขาอาชีพที่เขารัก เพราะผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย หรือแทรกแซงการทำงานของเติมศักดิ์ฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และในบางครั้งก็ให้องค์ความรู้กับเขารวมไปจนถึงการสนับสนุนให้เขามีความกล้าหาญในการแสดงออกในเรื่องบางเรื่อง ที่เขาบางครั้งเกิดความลังเลใจ และมาปรึกษาหารือผม
ในช่วงที่ ASTV ตกต่ำมากๆ แล้วมีนายทุนมาทำทีวีช่องดิจิทัลกัน จากทุนหลายรูปหลายแบบ จากทุนใหญ่ๆ ไปจนถึงทุนที่ได้มาจากการปั่นหุ้น หลายช่องของทุนเหล่านี้เห็นความอ่อนแอของ ASTV และตัวผม ก็พยายามส่งคนมาทาบทาม เติมศักดิ์ฯ เพื่อไปจัดรายการ “NEWS HOUR” ซึ่งเป็นรายการสรุปข่าวรายวันที่ไม่มีช่องไหน แม้แต่ช่องเดียวในทีวีเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นยุค ANALOG เดิม หรือยุค DIGITAL ใหม่ สามารถที่จะมาเทียบเคียงกับรายการ “NEWS HOUR” ของคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ และคุณอุษณีย์ เอกอุษณีย์ ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในวงการมืออาชีพในด้านนี้ ต่างก็ยอมรับคุณภาพของรายการ “NEWS HOUR” ที่มี เติมศักดิ์ฯ เป็นหัวหอกในรายการนี้
แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ตามจะมาชวน เติมศักดิ์ฯ ในยุคที่ ASTV และ NEWS 1 เงินเดือนออกบ้าง ไม่ออกบ้าง และออกไม่เต็มจำนวน เติมศักดิ์ฯ ก็จะตอบออกไปอย่างสุภาพ และอ่อนโยนว่า ผมขออยู่ที่นี่ต่อไปดีกว่า ขอบคุณที่ชวน และผมมีความสุขกับการทำงานที่นี่ (ที่มีอิสระ เสรีภาพ และไม่มีการแทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น) แม้แต่คุณกรุณา บัวคำศรี ที่อยู่ช่อง PPTV ก็ยังยอมรับว่าได้เคยชวนเติมศักดิ์ฯ มา แต่เติมศักดิ์ฯ กลับขออนุญาตไม่มา
ในชีวิตส่วนตัวนั้น เติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นที่รักของทุกคนในองค์กรผม ทั้งที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายงานของเขา
เติมศักดิ์ฯ จะมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ใจ ยิ้มด้วยความจริงใจ และพวกเราก็สบายใจที่ได้เห็นเติมศักดิ์ฯ ยิ้มให้
อีกด้านหนึ่งของเติมศักดิ์ฯ ที่มีคนรู้น้อยมาก คือ การเป็นคนใฝ่รู้ ไม่เคยหยุดยั้งที่จะหาความรู้ตลอดเวลา ไม่ว่า ด้วยการศึกษาด้วยตัวเอง จากหนังสือต่างๆ หรือทุกครั้งที่เจอผม ก็จะถามคำถามผมหลายคำถาม เพื่อเอาข้อคิดของผมเข้าไปในระบบการพิจารณาทางปัญญาของเติมศักดิ์ฯ
สำหรับผมแล้ว เติมศักดิ์ฯ ไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นเหมือน ลูกศิษย์รัก - ลูกรัก - น้องชายที่รัก - เพื่อนร่วมงานที่รัก ผมกล้าพูดได้ว่า เติมศักดิ์ฯ คือ ASTV และ NEWS1 ซึ่งก็ไม่น่าจะเกินความจริง
ไม่ต้องถามว่าการเสียชีวิตของเติมศักดิ์ฯ เป็นการสูญเสียในทางส่วนตัวของผมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน แต่เขาจะกล้าถามเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องการจะรู้ โดยไม่มีทีท่าหวั่นเกรงต่ออะไรต่อมิอะไรที่จะย้อนกลับเข้ามาหาตัวของเขา และเขาพร้อมที่จะเอาความรู้เหล่านั้นออกมาให้กับประชาชนผู้ชมรายการของเขาอย่างกล้าหาญ อย่างแข็งแรง และอย่างไม่ก้าวร้าว
เติมศักดิ์ฯ เป็นคนรักครอบครัวมาก ในช่วงที่เงินเดือนออกบ้างไม่ออกบ้าง มีภรรยาคุณเติมศักดิ์ฯ ที่ทำงานอยู่ธนาคารกรุงเทพ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัว ต้องขอขอบคุณภรรยาคุณเติมศักดิ์ฯ ที่ยืนเคียงข้างคุณเติมศักดิ์ฯ มาตลอด จนถึงวันสุดท้าย
เติมศักดิ์มีบุตรชาย ที่ชื่อ ไอติม ที่ผมเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย จนวันนี้กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะที่ตัวเองต้องการ คือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งเติมศักดิ์รักมาก
ผมไม่เคยเขียนคำไว้อาลัยให้แก่ผู้ใดที่ยาวถึงขนาดนี้ แต่เติมศักดิ์ฯ มีเรื่องที่จะต้องให้ผมเขียนถึงมากมาย
ขอบคุณที่วันนั้น เติมศักดิ์ฯ ตัดสินใจมาทำงานกับผม หลังจากที่ออกจาก ITV เมื่อ 16-17 ปีที่แล้ว ขอบคุณที่เติมศักดิ์ฯ มีความเชื่อมั่นในตัวผม และรักองค์กรนี้ จากวันแรกที่เข้ามาเริ่มงานด้วยกัน จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
สนธิ ลิ้มทองกุล
8-9-63”