หัวหน้าพรรคกล้า เผย กระแส “ไอ้ไข่ฟีเวอร์” ทำเศรษฐกิจ จ.นครศรีธรรมราช คึกคัก แนะ รัฐบาลดูเป็นตัวอย่างนำไปปรับใช้กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย เผย รัฐต้องศึกษาสถานภาพของแต่ละจังหวัด และพร้อมที่จะมีความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายให้กับแต่ละพื้นที่
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij” เกี่ยวกับกระแสฟีเวอร์ของ “ไอ้ไข่” วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ส่งผลให้เที่ยวบินเต็ม-ร้านอาหารชื่อดังลูกค้าเพียบ โดย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า นี่คือ โอกาสของประเทศ แนะรัฐบาลต้องศึกษาสถานภาพของแต่ละจังหวัด และพร้อมที่จะมีความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายให้กับแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ “นายกรณ์” ได้ระบุข้อความว่า
“ไอ้ไข่ นครศรีธรรมราชช่วงนี้ คึกคักจนผมตกใจ ตอนแรกก็นึกเอะใจว่าทำไมตั๋วเครื่องบินแพงกว่าปกติ และเต็มหมดเกือบทุกเที่ยว เมื่อวานนี้พอมาถึงสนามบินนครฯ คนแน่นเอี๊ยด คณะเราแวะทานข้าวที่ร้าน ‘ขนมจีนเมืองคอน’ ทุกโต๊ะเต็มหมด และมีคนรอคิว เมื่อเราทานเสร็จ (อร่อยมาก) บ่ายสอง ปรากฏว่าคิวยังกลับยาวกว่าเดิม
นี่คืออิทธิพลปรากฏการณ์วัด ‘ไอ้ไข่’ บวกกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย (เราได้รับแจ้งว่าโรงแรมที่ขนอมก็เต็มหมด) ที่ทำให้ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวมานครฯกันเดือนละเกือบ 400,000 คน
ขากลับพอดีเจอรุ่นน้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์และผู้กำหนดยุทธศาสตร์สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง (เบน สุวรรณคีรี - ลูกชาย ดร. ไตรรงค์) เลยได้แลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจกัน เราคุยกันว่า ตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจแตกต่างกันระหว่างแต่ละท้องถิ่นและระหว่างแต่ละประเภทธุรกิจอย่างมาก
โดยสรุปคือ พื้นที่ไหนที่พึ่งพากำลังซื้อจากต่างประเทศมากหน่อยก็จะลำบาก (ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น) แต่พื้นที่อย่างนครศรีธรรมราชกลับได้รับผลกระทบน้อย ส่วนหนึ่งเพราะระบบเศรษฐกิจค่อนข้างปิด (ซึ่งในยุค Old Normal แปลว่า ‘ล้าหลัง’) และตอนนี้ราคายางก็อยู่ในระดับที่ดี ราคาผลผลิตเกษตรอื่นๆ ก็ใช้ได้ และจังหวัดได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวในประเทศ
เบน เล่าว่า นโยบายสถาบันการเงินในการดูแลลูกค้าช่วงนี้เหวี่ยงแหไม่ได้ หรือจะกำหนดโดยสำนักงานใหญ่เพื่อใช้กับทุกพื้นที่ก็ไม่ได้ สำคัญที่ต้องฟังผู้บริหารระดับท้องถิ่นเพื่อเข้าใจสถานการณ์และกำหนดนโยบายให้แม่นยำและเหมาะสม
ผมคิดว่า นโยบายเศรษฐกิจของประเทศก็เหมือนกันครับ รัฐต้องศึกษาสถานภาพของแต่ละจังหวัด และพร้อมที่จะมีความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายให้กับแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญคือ ผู้บริหารต้องขยันลงพื้นที่เพื่อรับรู้สภาพความเป็นจริง
ความนิยมในนครฯวันนี้สะท้อนถึงอิทธิพล ‘Soft Power’ (พลังสร้างสรรค์) ที่ผมมองว่ามีความสําคัญต่อประชาชนและประเทศอย่างมากจากนี้ไป นครฯ มีของดีเยอะ สถานที่เที่ยว วัดวาอาราม แหล่งธรรมชาติ อาหารอร่อย อากาศดี เส้นทางการเดินทางที่สะดวก ในภาพใหญ่นี่คือโอกาสของประเทศ และนโยบายที่ทันยุคสมัยต้องเข้าใจที่จะส่งเสริมและขยายโอกาสจากของดีๆ ที่เรามี”