ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ ช.ส.ท พาแม่เที่ยว จัดพาเที่ยว "ชีวาธรรมตามรอยพญานาค" สู่จังหวัดอุดรธานี บึงกาฬ และ สกลนคร โดยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวิริยะประกันภัย มีผู้ร่วมเดินทางกว่สร้อยชีวิต ระหว่างวันที่ 13 - 16 สิงหาคม 2563
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) โดยการนำของ คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) จัดทริปท่องเที่ยวตามโครงการ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งชาว ข.ส.ท. ได้ร่วมกันจัดเฉลิมพระเกียรติถวายทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม่องเที่ยวของประเทศไทย และปีนี้ได้จัดพาเที่ยว "ชีวาธรรมตามรอยพญานาค" สู่จังหวัดอุดรธานี บึงกาฬ และ สกลนคร ด้วยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีคุณสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เกียรติมาต้อนรับอย่างอบอุ่น
คณะเดินทางกว่าร้อยชีวิต เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 05.30 น. โดยรถบัสปรับอากาศสองชั้น จำนวน 3 คัน พร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 มีผู้ร่วมเดินมีคณะกรรมการ พยาบาล คอยดูแลตรวจวัดอุณหภูมิ และเจลล้างมือก่อนขึ้นรถ เพื่อความปลอดภัยจากโควิด 19 อย่างใกล้ชิด โดยจุดหมายแรกคือจังหวัดอุดรธานี แวะรับประทานอาหารมื้อเช้าที่ ร้านปราสาททอง ประตูน้ำพระอินทร์และมื้อกลางวัน ที่ร้านันตา อำเภอพล ในช่วงเย็นแวะไหว้ศาลเจ้าปู่-ย่า ศาลเจ้าเก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนชาวอุดรฯ ให้ความเคารพนับถือกันมาอย่างยิ่ง ก่อนเข้าที่พักโรงแรมศิวิไลซ์ โฮเทล
เช้าวันที่สองของการเดินทางที่เป็นจุดหมายแรกคือ คำชะโนด ณ วัดศิริสุทโธ อำเภอบ้านดุ่ง จังหวัดอุดรธานี คำชะโนดหรือเมืองชะโนดตำนานวังนาคินทร์ เป็นป่าที่มีลักษณะเหมือนเกาะกลางน้ำอยู่กลางทุ่งนา เต็มไปด้วยต้นชะโนด ซึ่งเป็นพืชจำพวกปาล์ม ความยาวประมาณ 200 เมตร ประชาชนต่างหลั่งไหลเข้ามากราบสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช และแม่ย่าศรีปทุมมา ที่คำชะโนดกันอย่างไม่ขาดสาย ที่ยังคงความศรัทธาไม่เสื่อมคลาย
หลังรับประทานอาหารกลางวัน ที่ ครัววาสนา ปาร์ค จ.อุดรธานี คณะทั้งหมดได้เดินทางไปเยี่ยมชม “ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม” อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร อันเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเมตตาพระราชดำริให้ราษฎรปลูกต้นไม้รักษาป่า และจัดครูมาช่วยฝึกสอนอาชีพต่างๆ ตามที่ราษฎรถนัด และทรงมีพระราชดำริที่จะให้ บ้านกุดขามเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง จึงทรงมีเมตตาให้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพขึ้น คือ “ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม” สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนเป็นแหล่งผลิตศิลปหัตถกรรมต่างๆ ผลิตภัณฑ์จากศูนย์ฯ เป็นสินค้าที่ทรงคุณค่าช่วยพัฒนาชีวิตให้ราษฎร์ที่ยากไร้ได้อยู่ดีกินดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้แวะไปอุดหนุนส้มโอสินค้าเกษตรกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วยจากนั้นคณะเดินทางต่อไปยังจังหวัดจังหวัดบึงกาฬ เพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ ครัวแม่ละมูล ก่อนเข้าที่พัก โรงแรมเดอะวัน ท่ามกลางฝนที่ตกโปรยปรายตลอดทั้งคืน
เช้าวันที่สาม 15 สิงหาคม คณะเดินทางไปชม หินสามวาฬ ซึ่งเป็นอีกไฮไลซ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ “หินสามวาฬ” ตั้งอยู่ใน “ภูสิงห์” หรือเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ต.โคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งอยู่ในการดูแลของกรมป่าไม้ พื้นที่ป่ากว่า 1.2 หมื่นไร่ การเดินทางในครั้งนี้ค่อนข้างผจญภัยด้วยฝนที่ตกตลอดเส้นทาง และต้องนั่งรถกะบะของอุทยานผ่านเส้นทางที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมา แต่ก็คุ้มค่าสำหรับผู้ที่เดินทางมาถึง ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ของหินสามวาฬ ซึ่งมีลักษณะเหมือนวาฬตัวใหญ่มหึมา พ่อ แม่ ลูก นอนเรียงกันอยู่ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “หินสามวาฬ” คณะขึ้นไปชมทัศนีย์ภาพความสวยงามท่ามกลางสายฝนและสายหมอก ชมทิวทัศน์ที่งดงามของหินสามวาฬบนภูสิงห์ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสดชื่นในการเที่ยวป่าหน้าฝนอย่างชุ่มฉ่ำ
จากนั้นคณะเดินทางไปยัง ชุมชนบ้านสะง้อ อำเภอบึงกาฬ อยู่ติดริมแม่น้ำโขงที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ซึ่งบ้านสะง้อนับเป็นแผ่นดินเหนือสุดแดนอีสาน คณะได้อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่นซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นจากฝีมือชาวบ้านสะง้อในมื้อเกลางวัน และที่นี่นอกจากจะมีทัศนียภาพที่สวยงามติดกับแม่น้ำโขงที่สามารถชมวิวน้ำโขง และภูเขาบริเวณเมืองปากซัน สปป.ลาว และยังมีของดีที่มาจากภูมิปัญญา คือ “ผ้าหมักโคลนดารานาคี” ที่ขึ้นชื่อไม่เหมือนใคร ต่อยอดนำผ้าขาวม้ามาออกแบบลวดลายใหม่ๆ เช่น ลายดารา ลายสองฝั่งโขง ลายสองตายาย ลายนิมิต ลายธรรมจักรกวางและการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นที่ดูทันสมัยเหมาะกับทุกวัย
จากบ้านสะง้อเดินทางไปต่อที่ “วัดอาฮงศิลาวาด” อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บริเวณแก่งอากงแอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาว โดยที่นี่เป็นจุดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่คณะได้ไปชมคือ "สะดือแม่น้ำโขง" จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย
หลังจากนั้นคณะเดินทางเข้าที่พัก โรงแรมเดอะมาเจสติก จังหวัดสกลนคร ในช่วงค่ำ ช.ส.ท. ได้จัดงาน "ราตรีสีฟ้า เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนีพันปีหลวง" โดยคุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ ได้ขึ้นกล่าวนำในการจุดเทียนถวายพระพร และร่วมร้องเพลงเกี่ยวกับแม่พร้อมสมาชิกและผู้ร่วมงาน ยังความประทับใจและซาบซึ้งในบรรยากาศความรักและความอบอุ่นจากแม่อีกเช่นเคย และเป็นการแสดงออกถึงความเทิดทูนรักษาสถาบันที่ ช.ส.ท. ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดหลายปีที่ผ่านมา
วันที่ 16 สิงหาคม กิจกรรมท้ายสุดสำหรับกิจกรรมก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ คณะเดินทางไปกราบสักการะ “พระธาตุเชิงชุม” เพื่อเป็นศิริมงคล ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตั้งอยู่ริมหนองหาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในวิหารบริเวณพระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร
ต่อจากนั้นไปเยี่ยมชมชุมชนคาทอลิคที่ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ซึ่งนับเป็นคริสต์อาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอท่าแร่ จ.สกลนคร ที่นี่เป็นชุมชนคาทอลิค นับถือสาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี ในทุกวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี ชุมชนแห่งนี้จะจัดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส โดยจัด “ขบวนแห่ดาวคริสต์มาส” อย่างสวยงาม
ปิดทริปด้วยคณะแวะเยี่ยมชม “กลุ่มทอผ้าไหมโบราณบ้านโนนกอก” อยู่อำเภอเมือง อุดรธานี ที่นี่มีการทอผ้าด้วยการใข้สีจากดอกบัวแดงแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นการค้นพบอย่างบังเอิญของ นายอภิชาติ พลบัวไข ลูกหลานบ้านโนนกอก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านโนนกอก ได้วิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอาชีพชาวบ้านคือการทอผ้าดั้งเดิมของชาวบ้านโนนกอก ทดลองนำวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำเป็นสีย้อมผ้า ทำให้ได้ผ้าสวยด้วยสีสันจากดอกบัว ก้านบัว สายบัว มีความสวยงามมาก คณะร่วมรับประทานอาหารพื้นถิ่นหลากหลาย รวมทั้งน้ำดื่มจากดอกบัวแดง และที่นี่ ท่านผอ.สมชาย ขมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ให้การจัดเลี้ยงต้อนรับและกรุณามาบรรยายเรื่องราวเส้นทางท่องเทึ่ยวอีสานที่น่าสนใจ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในภาคอีสานที่สามารถท่องเที่ยวได้ในทุกช่วงฤดูกาลให้คณะฟังอีกด้วย
ทั้งนี้ คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ยังได้กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ “กิจกรรม "สิงหาพาแม่เที่ยว" ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย และเป็นกระตุ้นการจับจ่าย สร้างรายได้ในชุมชนมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ภาคธุรกิจตลอดจนภาคประชาชนได้รับผลกระทบถ้วนหน้า จึงขอเชิญชวน ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไป ร่วมสนับสนุนสินค้า และท่องเที่ยวในชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่ง”
ด้าน ผอ.สมชาย ขมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและกล่าวเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวภาคอีสาน “เที่ยวอีสานวิถีใหม่สไตล์ New Normol นะครับ ก็ถือว่าการเที่ยวอีสานหน้าฝนนั้นเรามาค้นหาความสุข ทริปนี้เป็นอีกทริปหนึ่งที่น่าสนใจ ในการเดินทางท่องเที่ยวหลังจากช่วง covid 19 โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวในวิถีใหม่นั้นเราต้องพยายามมองเรื่องของสุขอนามัย การรักษาระยะห่าง การเดินทางจะต้องมีการวางแผนการเดินทางเตรียมตัวมาพบกับสิ่งที่เราต้องมาค้นหา ทริปนี้ถือว่าเป็น "ชีวาธรรมตามรอยพญานาค" สู่จังหวัดอุดรธานี บึงกาฬ และ สกลนคร ถือเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่มีความสีเขียวตลอดเส้นทาง Cool อีสานทุกท่านมาแล้วจะประทับใจในการสัมผัสการเดินทางท่องเที่ยว การท่องเที่ยวนั้นมี 2 มิติ คือมิติที่เกิดจากธรรมชาติอีกมิติหนึ่งคือ มิติที่มนุษย์สร้างขึ้น
ช่วงนี้ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ ก็อยากจะเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวเมืองไทย เมืองไทยมีสิ่งต่างๆ ที่อยากจะให้ท่านมาลองค้นหาแล้วท่านจะบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา เรามีแหล่งท่องเที่ยวตั้งแต่ระดับพรีเมี่ยมมาจนถึงระดับชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งมีความเป็นอัตลักษณ์ การเดินทางมาที่นี่สะดวกสบายช่วงนี้ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ อัตลักษณ์ที่น่าค้นหาและเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่เป็นวิถีไทยและวัฒนธรรมไทย ก็ขอให้ทุกท่านมาเยี่ยมเราที่อีสานครับผม อีสานเที่ยวได้ไร้โควิดครับ”
เรื่อง : อรวรรณ เหม่นแหลม