นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ เผยเคสหนูน้อยวัย 3 ขวบ ที่เอาแบตเตอรี่ก้อนกระดุมที่ใช้แล้วใส่จมูก ซึ่งคาดว่าติดอยู่ข้างในมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ เตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครอง หรือศูนย์เด็กเล็ก ที่ดูแลเด็กวัยนี้ ให้ระมัดระวังสิ่งของชิ้นเล็กๆ เด็กอาจจะเอาเข้าปาก จมูก ได้โดยง่าย
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Arak Wongworachat” หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โพสต์ภาพพร้อมข้อความเตือนอุทาหรณ์ผู้ปกครอง ซึ่งพบเคสหนูน้อยวัย 3 ขวบ ที่เอาแบตเตอรี่ก้อนกระดุมที่ใช้แล้วใส่จมูก ซึ่งคาดว่าติดอยู่ข้างในมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ และต้องใช้วิธีส่องกล้องผ่าตัด โดยผู้โพสต์เล่าว่า
“มารดาพบว่าลูกสาววัย 3 ขวบ หายใจติดขัด นอนกรน มีน้ำมูกไหลคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ไม่ค่อยร่าเริง งอแง เอามือขยี้จมูกบ่อยๆ คิดว่าเป็นหวัด จึงพามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสิชล ส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก การตรวจเด็กค่อนข้างลำบากไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่จากประสบการณ์จึงทราบได้ทันทีว่าน่าจะมีสิ่งแปลกปลอมในรูจมูก จึงส่งเอกซเรย์ส่วนศีรษะก่อนเป็นลำดับแรก พบว่ามีชิ้นส่วนโลหะอยู่ในรูจมูกด้านซ้าย
จึงให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหาร ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด เตรียมเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจดมยาสลบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องกล้องกำลังขยายสูงไปในรูจมูกด้านซ้าย ตามภาพที่ 1 หลังจากดูดหนองออกจนหมด จะพบว่ารูจมูกอุดตัน ไม่เห็นก้อนสิ่งแปลกปลอมใดๆ เพราะมีเนื้อเยื่อมาหุ้มปิดจนมิด ต้องใช้คีมแหวกผ่าตัดเปิดออก
ตามภาพที่ 2 เมื่อผ่าตัดเอาก้อนแบตเตอรี่ออกมาแล้ว จะเห็นว่าเนื้อเยื่อจมูกเป็นสีดำคล้ำ เนื้อเยื่อจมูกเน่าตายรอบๆ ตัวแบตเตอรี่ เพราะปล่อยสารเคมีออกมากัดกร่อนเนื้อเยื่อ แพทย์จึงต้องผ่าตัดเอาเนื้อเน่าออกจนหมด โชคยังดีที่ไม่ทะลุไปถึงโพรงอากาศข้างจมูก จนทำให้ไซนัสอักเสบติดเชื้อตามมาได้
หลังผ่าตัดให้ยาฆ่าเชื้อเข้าทางเส้นเลือดอีก 5 วัน จึงสามารถเปลี่ยนเป็นยากินต่อไปได้ จนหายเป็นปกติ ถ้าหลุดลงไปในหลอดลม ในคอ หรือหลอดอาหาร ยิ่งเสี่ยงต่อชีวิตและอันตรายมากๆ คาดว่า น่าจะติดค้างมาไม่น้อยกว่า 7 วัน ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครอง ศูนย์เด็กเล็ก ที่ดูแลเด็กวัยนี้ ให้ระมัดระวังให้มาก สิ่งของชิ้นเล็กๆ เด็กอาจจะเอาเข้าปาก จมูก ได้โดยง่าย"