รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาโพสต์ข้อความตอบคำถามที่อาจจะคาใจใครหลายคนหรือในกลุ่มเยาวชนปลดแอกทั้งหมด 9 ข้อ ย้ำ สลับขั้วให้ฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาลก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะพรรคใหม่ไม่มีอะไรแตกต่างจากนักการเมืองในอดีต ไม่มีอะไรดีไปกว่านักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล
วันนี้ (28 ส.ค.) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Harirak Sutabutr” ระบุว่า ตนเองจะมาตอบคำถามที่อาจจะอยู่ในใจของใครหลายคนทั้งหมด 9 ข้อ ย้ำว่าจะตอบคำถามอย่างเป็นกลางที่สุด โดย รศ.หริรักษ์ได้ระบุข้อความว่า
“แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ใช่รัฐบาลที่ประชาชนใฝ่ฝันอยากได้ แต่อย่างไรก็ยังไม่ถึงกับเลวร้ายในขั้นที่ถูกล่าวหาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่ทุกวันในขณะนี้
ดูเหมือนว่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เป็นอยู่ในประเทศไทย เช่น รถเมล์ รถไฟ น้ำท่วม ความไม่เป็นระเบียบของบ้านเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน เศรษฐกิจฝืดเคือง ทั้งหลายทั้งปวงล้วนโยนความผิดมาให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น
วันนี้จะขอตอบคำถามต่างๆ ที่หลายคนอาจมีในใจ เกี่ยวกับสิ่งที่ฝ่ายค้านและกลุ่มเยาวชน หรือประชาชนปลดแอกก็ตาม โจมตีและเรียกร้องจากรัฐบาลชุดนี้ และจะพยายามตอบอย่างเป็นกลางที่สุดเท่าที่จะทำได้
1. การรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดย คสช.เป็นสิ่งเลวร้ายหรือไม่
การทำรัฐประหาร โดยตัวของมันเองเป็นเรื่องที่ต้องถูกประณาม แต่ก่อนที่จะประณาม การทำรัฐประหารปี 2557 ต้องคำนึงด้วยว่า ทหารใช้เหตุผลใดในการทำรัฐประหารครั้งนั้น
หลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล พยายามจะผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย หรือฉบับเหมาเข่ง ประชาชาชนเป็นล้านๆ ออกมาประท้วง จึงทำให้ พ.ร.บ.ฉบับนั้นตกไป
นอกจากการพยายามผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยแล้ว ยังมีกรณีทุจริตจำนำข้าวที่ทำความเสียหายต่อประเทศชาติกว่า 5 แสนล้านบาท
ต่อมาการประท้วงขยายผลออกไป เป็นการเรียกร้องให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบด้วยการลาออก แต่คุณยิ่งลักษณ์ไม่ลาออก แต่เลือกที่จะยุบสภา เพราะรู้ดีว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ ตัวเองจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก
กลุ่มผู้ประท้วงจึงพยายามขัดขวางการเลือกตั้ง สถานการณ์ตอนนั้นจึงมีความวุ่นวายอย่างหนัก
แม้ไม่มีการสลายการชุมนุม แต่ก็มีคนบางกลุ่ม ไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร วางระเบิด และมีการใช้อาวุธ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บกว่า 200 ราย
กระนั้นคุณยิ่งลักษณ์ ก็ยังคงปฏิเสธที่จะลาออก
สุดท้าย เมื่อรัฐบาลรักษาการควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กองทัพจึงเชิญทุกฝ่ายร่วมหารือที่สโมสรทหารบก และมีการขอให้นายกฯ รักษาการ ซึ่งขณะนั้นคือคุณชัยเกษม นิติสิริ ลาออก แต่ยังคงได้รับการปฏิเสธเช่นเดิม
การรัฐประหารจึงเกิดขึ้น
หากคุณยิ่งลักษณ์ยอมลาออก หรือสุดท้ายคุณชัยเกษมยอมลาออก ทหารต่อให้อยากทำรัฐประหารสักแค่ไหนก็ไม่อาจทำได้
หากนายกฯ รักษาการไม่ลาออก และไม่มีการทำรัฐประหาร ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทั้งในขณะนั้น และในปัจจุบัน
2. รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเผด็จการหรือไม่
รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจากการทำรัฐประหารเหมือนรัฐบาล คสช
นายกรัฐมนตรี แม้ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐก่อนการเลือกตั้ง ตามกติกาในรัฐธรรมนูญ ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทุกคนทราบดีว่าหากลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ก็จะได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดังนั้นจะบอกว่า นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจาก ส.ส.เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน คงไม่ได้
รัฐบาลนี้จึงไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ
3. รัฐบาลนี้มาจากการสืบทอดอำนาจของ คสช.หรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจของ คสช. แต่ก็เป็นการสืบทอดอำนาจโดยผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งคุณทักษิณ ชินวัตร ก็เคยส่งคุณสมัคร สุนทรเวช น้องเขย และน้องสาว ไปเป็นนายกรัฐมนตรีนอมินี ผ่านการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน แต่นักการเมืองพรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย หลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึง
จนทุกวันนี้ คุณทักษิณก็ยังคงมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย และในฝ่ายค้านอีกหลายพรรค
4. รัฐบาลนี้ทำให้ประเทศไทยตกต่ำ ถอยหลังอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหาจริงหรือไม่
พรรคพลังประชารัฐเกิดจากการรวมตัวของนักการเมืองหน้าเก่าๆ เป็นส่วนใหญ่ และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นนักการเมืองที่ยึดประโยชน์ส่วนตนและของพรรคก่อนประโยชน์ส่วนรวม
ใครจะเป็นรัฐมนตรี จึงเป็นผลจากการต่อรองระหว่างนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐและพรรคการเมืองต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาล ดังนั้น การที่จะมีรัฐมนตรีที่เป็นคนดีและมีความสามารถเหมาะสมในทุกกระทรวงจึงเป็นไปไม่ได้
การที่มีนักการเมืองรุ่นเก่าๆ จำนวนมากมาเป็นรัฐมนตรี จึงไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน เพียงแต่ยังไม่มีปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเท่านั้น
รัฐบาลนี้จัดการปัญหาโควิดได้ดีจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก แต่ล้มเหลวเรื่องการปฏิรูปประเทศ ตามที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน
ผลงานการปฏิรูปมีเพียงการตั้งกรรมการมากมายหลายชุดที่สิ้นเปลืองงบประมาณ และมีผลงานเพียงอยู่บนแผ่นกระดาษ ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย ที่น่าผิดหวังที่สุดคือการปฏิรูปตำรวจ
ในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลได้สร้างผลงานได้มากพอควร เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่เริ่มตั้งแต่รัฐบาล คสช. การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร แทนที่จะเป็นการรับจำนำ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นต่างๆ ที่ได้ผลพอควร
การพัฒนาระบบคมนาคมต่างๆ ทั้งที่สานต่อ และริเริ่มในรัฐบาลนี้ ก็ต้องถือว่าทำได้ดีพอควร เช่น รถไฟฟ้า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบิน รถไฟความเร็วสูง ที่เริ่มต้นไปแล้ว เป็นต้น
โชคร้ายที่เกิดวิกฤตการโควิดที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก การที่เศรษฐกิจชะงักงันอยู่ในขณะนี้ จึงไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ทั้งหมด
ปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่หมักหมมที่ยังไม่มีรัฐบาลไหนแก้ไขได้ เช่น ปัญหารถติด ปัญหาการขาดทุนสะสมของ ขสมก. และการรถไฟ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น
5. ควรแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดอ่อนตรงที่มีบทเฉพาะกาลที่ทำให้ คสช.ได้เปรียบในการเลือกนายกรัฐมนตรี ตรงที่สมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มีสิทธิลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี จึงสมควรต้องแก้ไขอย่างน้อยในประเด็นนี้
เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชามติ โดยมีผู้ลงคะแนนให้ความเห็นชอบ 16.8 ล้านเสียง ดังนั้นหากจะแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา หรือร่างใหม่ทั้งฉบับ ควรต้องมีการลงประชามติกันอีกครั้งก่อนที่จะเดินหน้าแก้ไข
กล้าหรือไม่ หากจะมีคำถามพ่วงท้ายว่าจะคงหมวด 1 หมวด 2 ไว้โดยไม่มีการแก้ไขหรือไม่
6. รัฐบาลนี้คุกคามประชาชนหรือไม่
หากนับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งเป็นต้นมา ประชาชนทั่วไปแม้เห็นต่าง แต่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคามแต่อย่างใด แต่สำหรับคนที่เป็นแกนนำการประท้วง อาจมีความรู้สึกว่าถูกคุกคามก็ได้
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าหากเราไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย รัฐบาลจะคุกคามเราไม่ได้
7. พล.อ.ประยุทธ์ ควรลาออกหรือไม่
ทุกพรรคการเมืองได้ทราบกติกาของการเลือกตั้ง และการเลือกนายกรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว ยังคงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ภายใต้กติกาที่ทุกคนทราบดี
แต่เมื่อพ่ายแพ้ในเกมการเมือง และไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว จึงกล่าวหารัฐบาลนี้ว่าเป็นเผด็จการ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก
มองอย่างให้ความเป็นธรรม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นความผิดเด่นชัดจนถึงขั้นต้องลาออกตามที่ฝ่ายค้านเรียกร้อง
8. ควรยุบสภาหรือไม่
หลังจากการแก้รัฐธรรมนูญ (หากมีการแก้ไขจริง) และมี พ.ร.บ.การเลือกตั้งใหม่ ก็สมควรที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งตามกติกาใหม่
9. หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลโดยเปลี่ยนขั้วไปเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทำให้ประเทศดีขึ้นหรือไม่
พิจารณาจากคุณภาพนักการเมือง โดยมองที่คุณสมบัติ และพฤติกรรมในสภาและนอกสภาของนักการเมืองพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเก่า และพรรคใหม่พบว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากนักการเมืองในอดีต ไม่มีอะไรดีไปกว่านักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล
ดังนั้นจึงขอฟันธงว่า หากรัฐบาลมีการสลับขั้วจะไม่ทำให้ประเทศดีขึ้นแต่อย่างใด
ขอย้ำนะครับว่า ทั้งหมดเป็นทัศนะของผมคนเดียว ใครจะมีความเห็นที่แตกต่างอย่างไร เราไม่ว่ากัน เพียงขอให้ความเห็นที่แตกต่างนั้นอยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติโดยรวมเป็นสำคัญเท่านั้นพอ”