เลขาฯ พรรคกล้า ระบุแก้ รธน.แค่ ม.256 ยังไม่พอ ต้องแทงที่กลางหัวใจคือแก้ ม.272 ห้าม ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ ชี้ไม่จำเป็น ไม่เป็น ปชต.
วันนี้ (5 ส.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และหลายพรรคการเมือง เห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ม.256 นั้นยังไม่พอ ต้องแทงที่กลางหัวใจ คือ แก้ ม.272 ห้าม ส.ว. แต่งตั้งเลือกนายก เพราะการแก้แต่ ม.256 เป็นเพียงการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดช่องทางให้ไปแก้รัฐธรรมนูญ เท่านั้น ยังไม่พอ
นายอรรถวิชช์กล่าวว่า การที่ให้ ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นประชาธิปไตย และเกิดปัญหาทำให้คนแตกแยกแบ่งฝั่งกันทั้งที่ไม่จำเป็นควรจะแก้ไข ถ้ามองในแง่ “ปฏิบัตินิยม” การให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร ร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ตามบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก ถือเป็นกลไกที่ไม่มีความจำเป็น เพราะบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้จะต้องได้เสียง ส.ส.มากกว่าครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หากได้คะแนนเสียงไม่ถึงตามเงื่อนไขนี้ แล้วดันทุรังเอาเสียง ส.ว.มาดันตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี สุดท้ายจะเป็นนายกฯ ได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยแพ้โหวตจากสภาผู้แทนราษฎร เพราะเสียง ส.ส.ไม่พอ
“กรณีลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร 251 เสียง ตามเงื่อนไขมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ตามหลักการอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายเผด็จการพิศดาร ใช้เสียง ส.ว.แต่งตั้งมาช่วยก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ จึงเห็นว่าการให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร ร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นกลไกที่ไม่มีความจำเป็น และไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง”
นายอรรถวิชช์กล่าวว่า การให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีส่วนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี นอกจากไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยแล้ว ยังไม่ตรงตามเจตนารมย์ของคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นประเด็นที่เพิ่มมาจากคำถามพ่วงประกอบการประชามติ ไม่ใช่ถ้อยคำที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ตั้งใจร่างไว้แต่แรก จนทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีตำหนิ ดังนั้นหากจะแก้รัฐธรรมนูญต้องแทงกลางใจ แก้มาตรา 272 ไม่ให้ ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกรัฐมนตรี