xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิตร” กังขา “ม็อบธรรมศาสตร์” เอาเงินมาจากไหน จัดเวทีดูดัดจริต “ใบตองแห้ง” ห่วงล่ออีกฝ่ายเกินจำเป็น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักข่าวอาวุโส “ประวิตร” ตั้งคำถามเวทีม็อบธรรมศาสตร์ไม่ใช่ถูกๆ แหล่งเงินเอามาจากไหน เจออีกฝ่ายด่ากลับ กังขาจัดม็อบแสงสีเสียงราวละครเวที ลดทอนการต่อสู้ดูดัดจริต ด้าน “ใบตองแห้ง” ห่วงจัดใหญ่แบบเปิดหน้า เกินจำเป็น ล่อฝ่ายตรงข้ามมากไป กลัวกระทบการเคลื่อนไหววันข้างหน้าจะลำบาก และไม่รู้จะจบอย่างไร

จากกรณีที่กลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” แนวร่วมกลุ่มเยาวชนปลดแอก จัดการชุมนุมที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปรากฏว่าในช่วงท้ายของการชุมนุมมีการเปิดคลิปของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง และออกข้อเรียกร้องพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทั่งนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต ต้องประกาศขออภัยที่เนื้อหาการชุมนุมเลยขอบเขตไป ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้ (11 ส.ค.) รายงานข่าวระบุว่า นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักข่าวอาวุโสประจำข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ หรือข่าวสดอิงลิช โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ @PravitR ระบุว่า ข้อสังเกตการชุมนุมของกลุ่มธรรมศาสตร์จะไม่ทน คือ 1. เวทีแสงสี ทีมถ่ายทอดสดจ้างทีมมืออาชีพทำ​ ซึ่งไม่ถูก เงินจากไหน? ใช้แบบนี้คุ้มไหม? 2. กันแกนนำอยู่เต็นท์​หลังเวที ห้ามสื่อถ่าย​ภาพ มี รปภ. ขอนักข่าวลงทะเบียนพิเศษ ทำให้นึกถึง​ม็อบ​ นปช.​ และ กปปส.​ 3. เด็กมัธยมปิดป้ายชื่อและโรงเรียน​ เพราะกลัวล่าแม่มด​



เมื่อมีผู้ติดตามถามกลับว่ามาตั้งคำถามเรื่องแหล่งที่มาเงินทุนในการจัดชุมนุม นายประวิตรตอบกลับว่า “ผมไม่เป๋​ ตรวจสอบตั้งคำถามทุกฝ่าย​ ถ้าถามเรื่องเงินจัดแสงสีถ่ายทอดชุมนุม ความเหมาะสม ม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทนไม่ได้​ ก็ไปร่วมกับ​ฟาสซิสต์​ หรือสนับสนุน​มาตรา 112​ ที่ไม่เอื้อให้สงสัยถาม​...ดีกว่า​ ​ด่าดูถูกผมได้เต็มที่เลย​ ผมรีทวีตฝั่ง​เผด็จการ​ ด่ามาเยอะ​ แค่นี้สิวๆ และอีกนิด​ ถ้าฝ่ายที่อ้างตนว่าเรียกร้อง​ประชาธิปไตย​ ทนไม่ได้กับคำถามตรงไปตรงมาของผมเกี่ยวกับแหล่งเงิน ความเหมาะสมในรูปแบบการใช้เงิน​ (บริจาค)​ เพื่อจัดงาน​ม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน คนที่​เป๋​คงไม่ใช่ผมหรอก เพราะสังคมประชาธิปไตย​ที่แท้จริงย่อมเห็นค่าคำถามและความเห็นต่าง​​”

นายประวิตรยังกล่าวอีกว่า “ภาษาอังกฤษ​มีคำว่า​ Mob mentality หรือความคิดแบบเป็นม็อบที่คนหมู่มากคิดว่าพวกตนผูกขาดความจริงความถูกต้องแต่เพียงฝ่ายเดียว​ สูญเสียความเป็นปัจเจกจนกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหมู่มาก” และบางช่วงบางตอนระบุว่า “ถ้าใครคิดว่าไล่​ประยุทธ์​เสร็จ​ เขียนรัฐธรรมนูญ​ใหม่​ ยกเลิก​มาตรา 112​ แล้ว ไทย​จะเป็น​ประชาธิปไตย​ ฉับพลันคงคิดผิด​ ตราบใดที่สังคมยังไม่ฟูมฟัก​วัฒนธรรมประชาธิปไตย​ ที่มีขันติต่อความเห็นต่างและรู้ค่าคำถามจากต่างมุม​ ไทยก็เป็นได้เพียงประชาธิปไตย​แบบผิวเผิน​”

ภายหลัง นายประวิตรกล่าวว่า “ถ้าผมตั้งคำถามเรื่องแหล่งเงิน​งาน​ธรรมศาสตร์จะไม่ทนไม่ได้​ ถามว่าใช้เงินจัดงานเหมือนคอนเสิร์ต​เหมาะสมคุ้มค่าหรือไม่ไม่ได้​ พวกดิ้นทนคำถามไม่ได้ก็ไม่ต่างจากพวกเผด็จการ​ที่ไม่ยอมให้ตั้งคำถามเรื่องบทบาท...สักเท่าใด เรียกร้อง​ประชาธิปไตย​นั้นง่าย​ เป็นประชาธิปไตยนั้นยากกว่ามาก​ พวกคุณ​จะอวดรวยว่าจัดงาน​ธรรมศาสตร์จะไม่ทน แบบคอนเสิร์ต​ มีซับคอนแครทดูแสงสีเสียง​ ฯลฯ​ นั่นก็สิทธิคุณ​ ส่วนผมก็มีสิทธิตั้งคำถามว่าใช้เงินบริจาคสาธารณะ​แบบนี้ในสภาพเศรษฐกิจ​แบบนี้เหมาะสมไหม? ผมไม่คิดว่าเวทีต่อสู้เพื่อ​ประชาธิปไตย​ จำเป็นต้องจัดเหมือนกีฬาสี​

"เห็นคนรุ่นใหม่ถล่มด่าผมเรื่องถามเกี่ยวกับแหล่งทุนและความเหมาะสมในการจัดเวที​ธรรมศาสตร์จะไม่ทน แบบคอนเสิร์ต​กึ่งละครเวทีแล้วขอบอกเลยว่า ความหวังจะเห็นไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย​ยังอีกไกล​ เพราะมันเริ่มที่ตัวเรา​ เริ่มจากความโปร่งใสรับฟังความเห็นต่าง​ มิใช่ผูกขาดความชอบธรรมไว้​" นายประวิตร ระบุ

เมื่อนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด อดีตแกนนำกลุ่ม 19 กันยาต้านรัฐประหาร ระบุว่า ทีแรกค่อนข้างแปลกใจที่เห็นเวทีเต็มรูปแบบขนาดนี้ แต่เมื่อดูงานโดยรวมคิดว่าคุ้มค่าและการออกแบบบนเวทีสอดคล้องกับการลงทุนที่ลงไป ไม่สูญเปล่า สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความคิดในเชิงเนื้อหาและรูปแบบ มีความลงตัว นายประวิตรก็กล่าวว่า เห็นต่างถกเถียงกันได้ แต่หาว่าผม​ดูถูกเพียงเพราะผมถามเรื่องแหล่งทุน​งาน​ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ผมว่ามันออกอาการ​ฟาสซิสต์​ ทำให้นึกถึงคนที่สนับสนุน​มาตรา 112​ ที่ด่าผมมาตลอด ​20 ปี ​ความเป็นเผด็จการ​มันแทรกซึมอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกทั้งสองฝ่าย

"บอกตรงๆ​ จัดงาน​ธรรมศาสตร์จะไม่ทน แบบคอนเสิร์ต​ปนละครเวทีหรือ​ Super Bowl (การแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอลอาชีพประจำปีของ NFL) ผมว่ามันลดทอนความดิบของการต่อสู้​ มันดู​ดัดจริต​ และ​ Artificial (ปลอม) เหมือนแคมเปญหาเสียงพรรคการเมือง​ ​แต่นั่นก็จริตผม​ ถ้าใครทนไม่ได้ก็ด่าทอผมต่อได้เลย​ ผมบ่ยั่น​" นายประวิตรกล่าว และตอบกลับบางคนไปว่า "คุณน้องคิดว่าสภาพเศรษฐกิจ​ตอนนี้ดีอย่างที่​ประยุทธ์​ กล่อมหรือ แล้วเงินบริจาคสาธารณะ​ไม่ควรใช้ให้คุ้มค่ากว่านี้หรือ คิดว่าไม่ต้องม็อบอีกหลายรอบ เมื่อวานถามพนักงานภาพเสียงจากบริษัท​หนึ่ง เขาบอกซับคอนแทรค​เยอะมาก​"

"ความดิบของการต่อสู้​ สำหรับผม​ มันคืออะไรที่ไม่ใช่​ละครเวทีที่ต้องจัดฉากมากมาย​ = Staged Event ถ้าเปรียบเป็นการจัดสวน​ มันก็คือสวนแบบสวนพระราชวังแวร์ซายส์​ เป็น​ Formal Garden ต่างจาก​ Naturalistic Garden" นายประวิตร กล่าว

ด้านนายอธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ข่าวสด และนักจัดรายการโทรทัศน์ช่องวอยซ์ ทีวี ระบุว่า "อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ธรรมศาสตร์ ในทัศนะของผม คือผมเตรียมความคิดไว้แล้วว่า อานนท์ (นายอานนท์ นำภา ทนายความและผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่น มาตรา 116) จะขึ้นพูดย้ำข้อเสนอเดิม การเพิ่มข้อเรียกร้อง 10 ข้อ โดยสาระที่จริงก็ทำได้ ถ้านำเสนออย่างรัดกุม แต่การจัดใหญ่ไฟกระพริบขนาดเจ้าของมาร์เก็ตเพลส (นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์) โผล่มาด้วย หรือองค์ประกอบอื่นๆ มันเกินจำเป็น มันล่อมันเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามมากไป

ที่ผมพูดถึงความกลัว ไม่ใช่กลัวอันตรายเพราะเชื่อว่าทุกคนกล้าอยู่แล้ว แต่กลัวมันกระทบการเคลื่อนไหว ยกตัวอย่างเช่น อาจจะจัดชุมนุมในธรรมศาสตร์ไม่ได้อีกแล้ว การชุมนุมในมหาวิทยาลัยอื่นก็จะถูกจำกัด การจัดชุมนุมวันที่ 16 ส.ค. นอกจากถูกขัดขวาง ก็จะมีปัญหาเรื่องการระดมคนเข้าร่วม เมื่อข้อเรียกร้องและท่าทียกระดับจนพังเพดาน สถานการณ์จากนี้จะเป็นเกมวัดใจอีกขั้น คือต้องแสดงให้เห็นว่ามีคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าจำนวนมาก พร้อมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ทำให้เขาต้องคิดหนักถ้าจะทำอะไร ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็จะระดมกันออกมาโจมตีให้ร้ายสกัดขัดขวางอย่างหนักหน่วง โดยยังไม่รู้จะว่าจะจบอย่างไร นั่นแหละคือความเสี่ยง กลายเป็นว่าพลังคนรุ่นใหม่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปให้สุด โดยยังไม่รู้จะจบอย่างไร"




กำลังโหลดความคิดเห็น