เจ้าของโรงงานกาแฟโบราณในจังหวัดสมุทรสาคร หอบหลักฐานร้องสื่อ ถูกเจ้าหน้าที่ อบต. ตรวจโรงงาน แถมเก็บภาษีป้ายสูงกว่า 4 เท่าตัว เพียงเพราะทวงเงิน 5 หมื่นบาท ที่ยืมไว้เมื่อปี 2559
วันนี้ (23 ก.ค.) เฟซบุ๊กเพจ “คาดเชือก” ได้เผยแพร่เรื่องราวที่ นายอำนาจ จิตตขจรเกียรติ เจ้าของบริษัท กาแฟอำนาจมังกรบิน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟมังกรบิน ตั้งอยู่เลขที่ 41/1 หมู่ 4 ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง ในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าเสา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นโรงงาน และเรียกเก็บภาษีป้ายมากถึง 5,760 บาท เพียงเพราะนายอำนาจไปทวงหนี้ที่ยืมไว้จำนวน 50,000 บาท
สืบเนื่องมาจากโรงงานดังกล่าว ก่อสร้างและเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2559 ผ่านไป 1 เดือน ได้รับการร้องเรียนเรื่องกลิ่น ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงมีเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) นำเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้ง อบต.ท่าเสาเจ้าของพื้นที่ตรวจสอบอย่างจริงจังตามอำนาจหน้าที่ พบว่า ไม่มีเหตุตามคำร้อง ส่วน อบต.ท่าเสา ที่มีอำนาจจัดเก็บภาษีบำรุงท้องถิ่น ได้จัดเก็บภาษีไปปีละ 1,400 บาท
หลังการตรวจโรงงานปี 2559 ไม่นานนัก มีข้าราชการใน อบต.ท่าเสารายหนึ่ง ใช้ความมักคุ้นเข้ามาขอคำปรึกษา อ้างว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน ขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยใช้เช็คของบุคคลอื่น และสลักหลังชื่อตัวเองพร้อมระบุเลขบัตรประชาชนของตนไว้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยติดต่อคืนเงิน ขณะที่นายอำนาจ เจ้าของโรงงานก็ไม่ได้ทวงถาม
เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โรงงานกาแฟมังกรบินประสบปัญหาทางการเงินเช่นกัน ได้เอ่ยปากทวงถามเงินที่กู้ยืมจำนวน 50,000 บาท กับข้าราชการใน อบต.ท่าเสารายนั้น กลับถูกอัางเรื่องร้องเรียนทางโซเชียลที่หาที่ไปที่มาไม่ได้ นำเจ้าหน้าที่ตรวจโรงงานอย่างละเอียด แต่ไม่พบความผิดตามที่ร้องเรียน
จากนั้นจึงใช้อำนาจเก็บภาษีป้าย โดยเก็บทั้งห้องรับรองที่ติดสติกเกอร์ และรูปฉลุมังกรบนสะพานทางเข้าโรงงาน จากที่เคยเสียภาษีป้ายปีละ 1,400 บาท ตั้งแต่ ปี 2559 ถึงปี 2562 ในปีนี้ถูกเรียกเก็บ 5,760 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่าตัว นายอำนาจตัดสินใจอุทธรณ์ และร้องเรียนไปยังที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แม้ส่วนต่างความเสียหายทางการเงินไม่มาก แต่ไม่อยากให้มีพฤติกรรมของข้าราชการที่รังแกประชาชน ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมต่อไปได้ จึงต้องนำหลักฐานร้องเรียนดังกล่าว
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่