xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : "แหม่มโพธิ์ดำ VS ช่องส่องผี" | สังคมร้องยี้ "อาจารย์แหม่ม" | ปิดตำนาน "นาธาน โอมาน"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 26 มิ.ย. - 4 ก.ค. 2563)


อันดับ 1 : ศึกเพจปะทะรายการดัง "แหม่มโพธิ์ดำ VS ช่องส่องผี" ทำเอาวัดไม่รับเทียนพรรษาแถมขอคืนเงินบริจาค

ดรามาเรื่องเงินบริจาคหลังจากทำเอาไลฟ์โค้ชชื่อดัง "ฌอน บูรณะหิรัญ" เละเทะไปแล้ว รายต่อไปคือรายการผีชื่อดังที่ชื่อว่า "ช่องส่องผี" เมื่อเพจสายดาร์ค "แหม่มโพธิ์ดำ" ออกมาแฉว่าหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะ "อ.เรนนี่" สุระประคำ คำขจร อ้างว่าสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ เคยตาย 49 วันแล้วฟื้น พบว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ แถมขายเหรียญปีศาจ และเปิดบัญชีส่วนตัวของหนึ่งในพิธีกรเพื่อเปิดบริจาคเงินไปบำรุงรักษาศาสนสถาน ทำให้เพจรายการแถลงว่า ยืนยันเจตนารมณ์ในการทำความดีและทำบุญ เรื่องประวัติศาสตร์เป็นไปตามผีบอก และมีหลักฐานเรื่องเงินบริจาคครบถ้วน ถ้าใครพูดทำให้เสียหายจะดำเนินคดี

ต่อมาวันที่ 3 ก.ค. "บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ" พร้อมด้วย "อ.เจมส์" ศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ สองพิธีกรแถลงข่าวพร้อมกางรายการเดินบัญชีกว่า 4,000 หน้า ยกเว้น "อ.เรนนี่" ที่ไม่มา โดยบ๊วยปฏิเสธว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลของ อ.เรนนี่ แต่ไม่ขอก้าวล่วงบูรพกษัตริย์ ส่วนเหรียญกอร์ดอนที่ถูกระบุว่าเป็นเหรียญปีศาจ ราคา 299 บาท แต่คนซื้อไปปั่นราคากันเอง เหตุการณ์นี้ทำให้พวกตนแทบไม่มีที่ยืน วัดไม่รับเทียนพรรษา และขอคืนเงินบริจาค ซึ่งจะโอนคืนให้หมดทุกบัญชี ไม่เอาเงินบริจาคไปใช้ ภายหลังเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ขอโทษที่กล่าวหาบริจาคลวงโลก แต่ให้ระวังเรื่องบิดเบือนประวัติศาสตร์


อันดับ 2 : สังคมร้องยี้ "อาจารย์แหม่ม" คุมเศรษฐกิจ - ส.ส.พลังประชารัฐ ยังเจียะป้าบ่อสื่อ เอาแต่ไล่ "สมคิด"

หลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. มีมติเลือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย เป็นเลขาธิการพรรค ท่ามกลางความพยายามของกลุ่ม ส.ส. ที่ต้องการผลักกลุ่มสี่กุมารออกจากพรรค เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับคณะรัฐมนตรีให้ตัวเอง ในวันนั้นนายอนุชากล่าวว่าเตรียมตั้งทีมเศรษฐกิจ นำโดย น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ (อาจารย์แหม่ม) เหรัญญิกพรรค ปรากฎว่าสังคมพากันร้องยี้ แม้แต่กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล เพราะขณะดำรงตำแหน่งโฆษกรัฐบาลยังทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องบ่อยครั้ง และมีภาพลักษณ์ไม่ติดดิน จนเจ้าตัวต้องรีบปฏิเสธพัลวัน

อีกด้านหนึ่ง ยังมีความพยายามจากกลุ่ม ส.ส.พลังประชารัฐ กดดันขับไล่กลุ่มสี่กุมาร และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อกดดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี เช่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค ขับไล่นายสมคิด อ้างว่าทฤษฎีเก่าไม่สามารถปฏิบัติได้ในยุคนี้ นายภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ฟังไม่ได้ศัพท์กรณีนายสมคิดไปพูดที่เวที สสว. อ้างว่าเสนอให้ยุบสภาแบบสิงคโปร์ ถ้าทีมเศรษฐกิจทำไม่ไหวก็เปลี่ยน และนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา กล่าวหาว่านายสมคิด คิดเผาบ้านตัวเอง ทั้งที่สิ่งที่นายสมคิดพูด ไม่ได้หมายความว่าเป็นเช่นนั้น


อันดับ 3 : ปิดตำนาน "นาธาน โอมาน" นักร้อง-นักแสดงอื้อฉาว ติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิตในวัย 45 ปี

กลายเป็นการปิดตำนานนักร้อง นักแสดงที่เคยเป็นข่าวว่าลวงโลก สำหรับนาธาน โอมาน เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.35 น. ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร หลังเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากอาการป่วยด้วยโรคโลหิตจาง ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา รวมอายุได้ 45 ปี โดยนำศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม ที่มัสยิดอัลอิสติกอมะห์ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายไพบูลย์ บุตรเลียบ เจ้านายของนาธานเปิดเผยว่า นาธานเริ่มมีอาการไข้มา 3-4 เดือน ก่อนหน้านี้เคยตรวจโควิด-19 ก็ไม่พบเชื้อ กระทั่งแพทย์แจ้งว่าเป็นโรคโลหิตจาง และเข้าโรงพยาบาลอีก 2-3 ครั้ง

สำหรับ นาธาน โอมาน หรือ นายสุธัญ โอมานันท์ เกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2518 อ้างว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งเนปาลกับไทย มีชื่อเสียงจากการเป็นศิลปินนักร้องค่ายอาร์เอส และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิที่ทะเลอันดามัน ปี 2547 เคยตกเป็นข่าวฉาวเมื่ออ้างว่าตนเองได้แสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง The Prince Of Red Shoe แต่เมื่อสืบค้นข้อมูลกลับไม่พบหลักฐานยืนยันว่าได้แสดงภาพยนตร์ตามที่กล่าวอ้าง นอกจากนี้ยังเคยมีคดีฉ้อโกงเงินจากคนในวงการบันเทิง ยันแม่บ้าน เคยถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีฉ้อโกงเงินน้าและแม่บุญธรรม ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2554


อันดับ 4 : ไฟไหม้รับคลายล็อก "บ้านสุขาวดี" คฤหาสน์พันล้าน "ตลาดยิ่งเจริญ" วอดกลางดึกเกือบ 200 ร้านค้า

เหตุเพลิงไหม้สร้างความเสียหายมหาศาลในรอบสัปดาห์นี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่บ้านสุขาวดี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเมืองพัทยา ของนายปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของธุรกิจกลุ่มบริษัทสหฟาร์ม ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเปิดให้เข้าชมเป็นวันแรกหลังมาตรการคลายล็อก ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในอาคารพุทธบารมี ด้านในมีพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา อีกทั้งยังมีพรมขนสัตว์ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท มีพื้นที่รับรองแขกด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นล็อบบี้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ความเสียหายคาดว่าประมาณ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัททิพยประกันภัย มูลค่าทั้งโครงการ 2,000 ล้านบาท

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 2 ก.ค. เกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณโซนตลาดสะพานไม้ 1 ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของเครื่องใช้ ร้านสังฆภัณฑ์ ต้นเพลิงมาจากร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี อยู่ใกล้ลานจอดรถโซน 3 ก่อนลุกลามไปทั่ว เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ พบแผงค้าได้รับความเสียหาย 195 แผง ร้านทองถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด แต่ยังมีพื้นที่ขายอีก 70% เปิดให้บริการต่อไปได้ นายอริย ธรรมวัฒนะ หลานชาย น.ส.นฤมล ธรรมวัฒนะ กรรมการตลาด ยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในอดีตของตระกูล


อันดับ 5 : สุดช็อก "คุรุสภา" เลิกจ้างพนักงาน 961 คน แบกหนี้ 6.7 พันล้าน ซ้ำให้หยุดงานยาว-ไม่จ่ายเงินเดือน

เช้าวันสิ้นเดือน 30 มิ.ย. อาจจะไม่ใช่เป็นวันที่ดีของพนักงานองค์การค้าของ สกสค. หรือคุรุสภาลาดพร้าว ที่จัดพิมพ์หนังสือเรียน เอกสารทางการศึกษา ผลิตอุปกรณ์การศึกษา และบริการธุรกิจทางการศึกษา เนื่องจากมีคำสั่งเลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค. จำนวน 961 ราย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยให้เหตุผลว่าประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 15 ปี จึงมีความจำเป็นต้องเลิกจ้างเพื่อปรับปรุงอัตรากำลังแลพผลประโยชน์ตอบแทนให้สอดคล้องกับภารกิจ ทำให้พนักงานที่ทราบคำสั่งต่างตกใจ ร้องไห้ เป็นลม เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องตกงาน และยังไม่ได้รับเงินเดือนงวด มิ.ย.อีก

นายธนพร สมศรี รองเลขาธิการ สกสค. ระบุว่า สาเหตุที่เลิกจ้างเพราะไม่สามารถผูกขาดพิมพ์ตำราเรียนเพียงรายเดียวตามกฎหมาย ประกอบกับขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี และหนี้สินสะสมกว่า 6,700 ล้านบาท จึงต้องปรับขนาดองค์การลงให้เหมาะสมกับเนื้องาน โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของ สกสค. ตัดสินใจ ขณะที่สหภาพแรงงานองค์การค้าของ สกสค. ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้มีการสั่งหยุดงานยาวจากสถานการณ์โควิด-19 ก่อนที่จะมีคำสั่งงดจ่ายเงินค่าจ้างเดือน มิ.ย. และให้ไปรับเงินว่างงานจากประกันสังคม


อันดับ 6 : นึกว่ามิติลี้ลับ! เก้าอี้หมุนเองกลางสภาฯ ลืออาถรรพ์ "สัปปายะสภาสถาน" ที่แท้ฝีมือ "ชินวรณ์"

เรื่องลี้ลับขนหัวลุก จบลงด้วยเรื่องชวนหัว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่รัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ขณะที่นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังอภิปรายและถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ช่อง 10 จู่ๆ เก้าอี้หมุนเองโดยไม่มีคนอยู่ข้างหลัง กลายเป็นคลิปที่ส่งต่อในโซเชียลมีเดียเป็นวงกว้าง และสื่อบางสำนักยังนำคำบอกเล่าของแม่บ้านทำความสะอาดประจำห้องสื่อมวลชนว่า มีผู้หญิงใส่เสื้อสีเหลือง นั่งอยู่ใกล้เสาปูนในห้อง ในช่วงที่ไม่มีคนอยู่มาหลายครั้งแล้ว

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ยอมรับว่าแต่เดิมเคยเป็นชุมชนแออัดมาก่อน มีประวัติพอสมควร แต่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ และระหว่างการก่อสร้างเคยมีอุบัติเหตุทำให้คนงานเสียชีวิต โดยมีแผนว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะจัดให้มีการทำบุญครั้งใหญ่ ภายหลังนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ตนเป็นคนหมุนเก้าอี้เอง เพราะก่อนหน้านั้นมีเพื่อน ส.ส.มานั่งข้างๆ เมื่อลุกไปแล้วไม่ได้มีการจัดเก้าอี้ให้เข้าที่ จึงใช้มือหมุนกลับมาให้เป็นระเบียบ และเกิดความเรียบร้อย จึงไม่ได้เป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อะไร แนะให้ทุกคนต้องใช้ปัญญาและเหตุผลในการอยู่ร่วมกัน


อันดับ 7 : ลาก่อน "สกาลา" ราชาโรงหนังแห่งสยาม มากกว่า 50 ปี ผลกระทบโควิด-19 หมดสัญญาเช่ากับจุฬาฯ

กลายเป็นการปิดตำนานโรงภาพยนตร์ที่อยู่คู่กับสยามสแควร์มานานกว่า 50 ปี สำหรับโรงภาพยนตร์สกาลา 1 ใน 3 โรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ ที่ได้ประกาศเลิกกิจการ หลังได้รับผลกระทบจากรัฐบาลประกาศสั่งปิดสถานที่ชั่วคราว ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ประกอบกับสัญญาเช่ากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำลังจะหมดลง โดยได้มีการฉายภาพยนตร์รอบสุดท้ายระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. พร้อมเปิดไฟทุกดวงเพื่อให้มาเก็บภาพความสวยงาม ไว้เป็นความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ 3 ทหารเสือ "สยาม ลิโด สกาลา" ตั้งอยู่บนพื้นที่แห่งนี้

สำหรับโรงภาพยนตร์สกาลา ก่อตั้งเมื่อปี 2512 มีนายพิสิฐ ตันสัจจา เจ้าของโรงหนังศาลาเฉลิมไทยเป็นเจ้าของ ขนาด 1,000 ที่นั่ง โดยตั้งตามชื่อ La Scala โรงละครเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองมิลาน ซึ่งในภาษาอิตาลี คำนี้แปลว่า “บันได” เคยเป็นโรงหนังที่หรูหราที่สุดและตั๋วแพงที่สุดในยุคหนึ่ง ภายหลังการแข่งขันโรงภาพยนตร์รุนแรงมากขึ้น ทำให้โรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ขาดทุนหลายปี จึงหันมาใช้กลยุทธ์นำภาพยนตร์ทางเลือกออกฉาย ภายหลังโรงภาพยนตร์สยามถูกไฟไหม้จากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 และโรงภาพยนตร์ลิโดปิดกิจการปี 2561 เนื่องจากหมดสัญญาเช่ากับจุฬาฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น