เพจ “Drama-addict” เผยกรณีสาวโพสต์เตือนเฉียดตายหลังมีอาการแพ้น้ำผึ้ง ระบุอาการดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) แม้มีความเสี่ยงจะปนเปื้อนสปอร์ของแบคทีเรีย แต่ในร่างกายของมนุษย์สามารถกำจัดสปอร์ในทางเดินอาหารได้
จากกรณีสาวโพสต์เล่าประสบการณ์เฉียดตาย หลังตนเองซื้อกล้วยอบน้ำผึ้งมารับประทาน หลังจากนั้นเกิดอาการผิดปกติขึ้นกับร่างกาย ปากบวม หายใจไม่ออก จึงรีบไปโรพยาบาลกลางในช่วงกลางดึก และแพทย์แจ้งว่ามีอาการ “อะนาไฟแลกซิส” หรือภาวะแพ้รุนแรงและเฉียบพลัน เนื่องจากผู้โพสต์เผยว่าส่วนตัวตนมีอาการแพ้น้ำผึ้งอยู่แล้ว จึงออกมาโพสต์อย่านิ่งนอนใจ หากพบอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เพจดัง “Drama-addict” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ของสาวรายดังกล่าวว่า
“โพสต์นี้น่าจะอาการแพ้นั่นแหละ แต่ไม่น่าเกี่ยวกับเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ในน้ำผึ้งครับ เพราะไอ้เชื้อตัวนี้เนี่ย ในน้ำผึ้งอาจมีการปนเปื้อนสปอร์ของมันได้ แต่ปกติถ้าเป็นผู้ใหญ่กินน้ำผึ้งเข้าไป ต่อให้มีสปอร์ มันก็จะถูกกำจัดในทางเดินอาหารของเรา แต่ของเด็กทารกที่ระบบย่อยอาหารยังไม่พัฒนาพอ ก็จะไม่สามารถกำจัดสปอร์ของมันได้ ทำให้เชื้อมันเจริญเติบโต เพิ่มจำนวน และสร้างสารพิษในลำไส้ทารก จนเกิดภาวะโบทูลิซึม ดังนั้น เราจะไม่ให้เด็กทารกต่ำกว่าหนึ่งขวบกินน้ำผึ้งเพราะสาเหตุนี้ แต่ในกรณีผู้ใหญ่กินได้ตามปกติไม่มีปัญหาครับ
และอาการหลักๆของคนที่ถูกพิษจากแบคทีเรียตัวนี้ จะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก กลืนลำบาก พูดไม่ชัด หายใจลำบาก และเสียชีวิตในที่สุด ไม่ค่อยเหมือนอาการที่เขาเล่ามา น่าจะเป็นการแพ้รุนแรงจากสาเหตุอื่นมากกว่า”