ญาติน้องปูนิ่มเหยื่อทูตมรณะแฉสิ้นไส้ ผู้กองบอย มีเมีย มีลูกอยู่แล้ว แต่มาคบหาน้องปูนิ่มจนท้องถึงรู้ความจริง สุดรันทดถูกเอาปืนจี้หัว ทำร้ายจนสลบ คิดจะพาลูกหนีไปอยู่บ้านแม่ กลับถูกขู่ฆ่า มั่นหน้ามั่นใจ “ออกจากคุกเมื่อไหร่จะเลี้ยงลูกเอง” ซ้ำไม่รู้จักพอ เอากับเมียคนแรกจนลูกโผล่ขึ้นมาอีก ส่วนเพื่อนพริตตี้มั่นใจ ปูนิ่มไม่มีความคิดฆ่าตัวตายแน่นอน
วันนี้ (23 มิ.ย.) จากกรณีที่ น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ หรือ ปูนิ่ม อายุ 30 ปี ภรรยา ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง ผรือ ผู้กองบอย รอง สว.สส.สน.วังทองหลาง ถูกกระสุนปืนที่ขมับซ้าย เสียชีวิตบนโซฟามีผ้าคลุมอยู่ สวมชุดนอนสีน้ำเงิน นอนหงายจมกองเลือดอย่างปริศนาในทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เลขที่ 128 หมู่บ้านเสนาวิลล่า 88 ซอย 7 ถนนแฮปปี้แลนด์ สายเก่า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เมื่อเช้ามืดวันที่ 20 มิ.ย. โดย ร.ต.อ.ทรงกลด อ้างว่าฆ่าตัวตาย แต่ภายหลังรับสารภาพว่าทะเลาะกันแล้วปืนลั่น กระสุนถูกศีรษะจนเสียชีวิต
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า จากการสอบถามญาติของ น.ส.พิมชฎาพร ยืนยันว่า สาเหตุมาจากเรื่องที่ผู้กองบอยมีภรรยาอยู่แล้ว โดยแต่งงานกัน จัดงานผูกข้อไม้ข้อมือ และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่กลับมาคบหากับน้องปูนิ่ม จนตั้งครรภ์โดยที่ไม่รู้มาก่อน ภายหลังน้องปูนิ่มมารู้ความจริง ว่า ผู้กองบอยมีครอบครัวแล้ว น้องปูนิ่มเสียใจมาก แต่ไม่คิดจะฆ่าตัวตาย และดูแลลูกในครรภ์จนคลอดเองที่บันไดแฟลตที่พักของสามี
กระทั่งลูกโตขึ้นก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ถูกผู้กองบอยเอาปืนจี้หัว ทำร้ายจนสลบ ทำให้น้องปูนิ่มจะพาลูกหนีไปอยู่บ้านแม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ผู้กองบอยกลับโทรศัพท์ไปขู่ว่า ถ้าไม่พาลูกกลับมาจะตามไปฆ่ายกครัว ออกจากคุกเมื่อไรจะเลี้ยงลูกเอง และอ้างว่าเลิกกับภรรยาเก่าแล้ว จากนั้นจึงกลับมาดีกัน แต่น้องปูนิ่มก็ไลน์คุยกับญาติตลอดว่าไม่ไว้ใจสามี เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน และไม่ค่อยถูกกับแม่สามี แต่ที่ทนอยู่ด้วยกันเพราะสงสารลูก
แต่ภายหลังพบว่า ผู้กองบอยยังไปหาภรรยาคนแรกจนมีลูกคนที่ 3 ด้วยกันวัย 4 เดือน ทำให้มีปัญหากัน ระหว่างภรรยาคนแรกและน้องปู่นิ่ม จนต้องพาไปเคลียร์กันที่สถานีตำรวจ ล่าสุด ภรรยาคนแรกของผู้กองบอยได้เดินทางมาที่กรุงเทพฯ กับลูก เพื่อทำธุระเรื่องการเรียนของลูก และติดต่อกับครอบครัวของผู้กองบอย ก่อนเกิดเหตุผู้กองบอยไม่อยู่บ้าน 4 วัน คาดว่า จะอยู่กับภรรยาคนแรก เมื่อน้องปูนิ่มรู้จึงทะเลาะกัน ก่อนจะเกิดเหตุสลดขึ้น
อีกด้านหนึ่ง เพื่อนของน้องปูนิ่มสมัยเคยทำงานเป็นพริตตี้ด้วยกัน ระบุว่า มั่นใจตั้งแต่แรกว่าน้องปูนิ่มไม่ได้ฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะน้องปูนิ่มเป็นคนร่าเริง ขยันทำงานหาเงินส่งให้ทางบ้านและเลี้ยงลูก อีกทั้งยังเคยบอกว่า การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องปัญญาอ่อน แต่ระยะหลังตั้งแต่อยู่กินกับผู้กองบอย ก็ไม่ได้คุยกัน และส่วนใหญ่จะคุยกันทางเพจขายของ ของน้องปูนิ่ม จึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่สอบถามข้อมูล ร.ต.อ.ทรงกลด ซึ่งเป็นผู้ต้องหา เจ้าตัวร้องไห้ขณะที่รับสารภาพว่าภรรยานั้นไม่ได้ฆ่าตัวตาย ระบุว่า ตนเป็นคนที่ทำให้ภรรยาเสียชีวิตจริง ส่วนสาเหตุมาจากทะเลาะกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ฝ่ายชายมีภรรยา 1 คน แล้วก็มีลูกด้วยกัน จากนั้นก็มาคบหากับผู้ตาย และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน ซึ่งในระหว่างนี้ฝ่ายชายก็ไม่ได้เลิกรากับภรรยาคนแรกอย่างเด็ดขาด กลับไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนมีลูกอีก 1 คน อายุประมาณ 4 เดือน และทั้งสองฝ่ายมีการโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงกันและกัน
ปัญหานี้เกิดมานานนับปี สะสมมาเรื่อยๆ จนมีปากเสียงกันมาตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุ หลังจากที่ ร.ต.อ.ทรงกลด ออกเวรมาก็นั่งดื่มสุราอยู่ชั้นล่าง ผู้ตายเดินลงมาแล้วทะเลาะมีปากเสียงกัน หลังจากนั้น ผู้ตายก็ขึ้นไปนอนข้างบน แต่ฝ่ายชายตามมาง้อ และขอหลับนอนด้วย แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เดินหนีมานอนข้างล่าง ด้วยความโมโห ฝ่ายชายจึงเดินตามลงมา โดยมีการหยิบปืนมาด้วย แต่คิดว่าปืนไม่มีลูก กระทั่งมีการยื้อแย่งกัน จนเกิดปืนลั่น ทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต
หลังจากที่เกิดเหตุ ฝ่ายชายได้โทร.ให้แม่มาหา แล้วก็มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายตาม ส่วนปืนที่เป็นอาวุธในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้มีการเอาปืนมากดล็อกเซฟอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ปืนลั่น และเอามาวางไว้ในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบมีเขม่าปืนอยู่ที่มือขวาของทั้งคู่ และกระสุนเข้าที่ขมับซ้าย เฉียงไป 85 องศา ประกอบกับฝ่ายหญิงถนัดมือขวา จึงเป็นไปไม่ได้ฝ่ายหญิงจะฆ่าตัวตาย