xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์แนะชายรักชาย เหยื่อหนุ่ม “เอชไอวี” เก็บบัตรประชาชนล่าแต้ม ถ้ารู้ว่าเสี่ยงไปตรวจที่โรงพยาบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากข่าวดังหนุ่มเอชไอวี หลับนอนเก็บบัตรล่าแต้มที่หาดใหญ่ แพทย์แนะถ้ารู้ตัวว่าไปหลับนอนกับคนที่มีเชื้อเอชไอวี ถ้าป้องกันแล้วก็วางใจระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่ป้องกันถือว่ามีความเสี่ยง แนะไปโรงพยาบาลรับยาต้านไวรัส “เพร็บ” แต่ทางที่ดีที่สุดรักเดียวใจเดียว ชี้โรคบางโรคติดแบบเนื้อแนบเนื้อ ใช้ถุงยางอนามัยก็ป้องกันไม่ได้

ทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ... รายงาน

คดีอาชญากรรมสะเทือนใจชายรักชาย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ตำรวจ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จับกุมนายวันชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังก่อเหตุขโมยโทรศัพท์มือถือของพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง

จากการตรวจค้นบ้านเช่า ปรากฏว่าพบใบขับขี่ บัตรประชาชน และบัตรเอทีเอ็มมากกว่า 30 ใบ ล้วนแล้วแต่เป็นของ “ผู้ชาย” เจ้าตัวรับสารภาพว่าส่วนใหญ่เป็นของ “คู่นอน” ที่มาร่วมหลับนอนแบบชายรักชายตามรีสอร์ต โรงแรม หรือห้องเช่า หลังสำเร็จความใคร่จึงแอบหยิบบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ ในกระเป๋าสตางค์ของคนที่หลับนอนด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกว่าได้หลับนอนกับผู้ชายคนไหนมาแล้วบ้างซึ่งมีถึง 30 ใบ บางคนก็ส่งคืนทางไปรษณีย์

ที่สะเทือนใจกว่านั้น คือ นายวันชัยยอมรับว่า ตนเองมีเชื้อเอชไอวี!

ก่อนหน้านี้ นายวันชัยอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีภรรยาคนแรก และมีลูกด้วยกัน 1 คน จากนั้นได้เลิกรากันไป จึงคบหาและอยู่กินกับกับภรรยาคนที่ 2 ภายหลังเริ่มออกเที่ยวกลางคืน มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติด และเริ่มเปลี่ยนรสนิยมทางเพศแบบ “ชายรักชาย” หลับนอนกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ตามรีสอร์ต โรงแรม หรือห้องเช่า แล้วเก็บบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ไว้เป็นที่ระลึก

กระทั่งต้นปี 2563 นายวันชัยถูกส่งไปบำบัดยาเสพติด ได้มีการเจาะเลือดเพื่อตรวจร่างกาย ปรากฏว่าผลการตรวจออกมามี “เชื้อเอชไอวี” แต่ได้ปกปิดเรื่องนี้ แม้กระทั่งภรรยาคนปัจจุบันก็ไม่ทราบว่าตนติดเชื้อเอชไอวีมานานถึง 7 เดือน

ส่วนผู้ชายที่หลับนอนด้วย 20-30 คนในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ทราบว่าตนมีเชื้อเอชไอวีเช่นกัน และตนก็ไม่รู้ว่าใครมีเชื้อเอชไอวีบ้าง เรื่องราวทั้งหมดรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ได้กระทำลงไป จึงอยากขอโทษทุกๆ คน

อาจมีคนสงสัยว่า ถ้าเกิดที่ผ่านมาเคยร่วมหลับนอนด้วยกัน แล้วมาทราบที่หลังว่าอีกฝ่ายมีเชื้อเอชไอวีแต่ปกปิด เจอเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จะทำอย่างไร?

นพ.ชเนษฎ์ ศรีสุโข แพทย์โรงพยาบาลศรีสุโข จังหวัดพิจิตร กล่าวกับ ทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์แบบป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กับเจลหล่อลื่น ก็วางใจได้ระดับหนึ่งสำหรับโรคติดเชื้อเอชไอวี เพราะการติดเชื้อเอชไอวีจะติดผ่านบาดแผล ผ่านการให้เลือด และผ่านสารคัดหลั่ง

แต่บางโรคที่เกิดจากไวรัส เช่น เริม หูดหงอนไก่ โลน จะมาจากการสัมผัสระหว่างเนื้อแนบเนื้อก็แพร่ใส่กันได้ ซึ่งป้องกันไม่ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ก็คอยดูอาการว่าจะมีผื่น มีก้อน มีความผิดปกติ เช่น อาการคัน แสบร้อน และแผลเกิดขึ้นหรือไม่ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมแพทย์จึงมักแนะนำส่งเสริมให้ รักเดียวใจเดียว เพราะมีโรคติดเชื้ออีกจำนวนมากที่ติดได้แม้จะป้องกันก็ตาม

ที่ชัดเจนคือ ไวรัสเริม หูด ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันหูดบางประเภทแล้ว เช่น หูดหงอนไก่ (HPV) แนะนำทั้งเพศชายหญิงไปรับวัคซีนกันไวรัสเอชพีวี (HPV Vaccines) จนครบ ก็จะป้องกันได้

ในทางกลับกัน ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ถือว่ามีความเสี่ยง แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจังหวัดทุกจังหวัด หรือโรงพยาบาลในอำเภอใหญ่ๆ เพื่อตรวจเลือด และไปรับยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีได้

ทั้งนี้ ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีกลุ่มนี้มีชื่อเรียกว่า “เพร็พ” (PrEP) ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis แต่ไม่ได้กันโรคติดเชื้ออื่น ซึ่งจะได้ผลดีในการต้านไวรัสเอชไอวีได้ถึง 99% ในช่วง 72 ชั่วโมงแรก

หลังจากผ่านไป 3 เดือน นับจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ให้ตรวจเลือดซ้ำ ดูโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี และโรคเอดส์ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้รับโรคเหล่านี้มา

“ถ้าคนที่กังวลพอรู้จะรีบเจาะเลือดก่อนเลยก็ได้ ซึ่งจะพอบอกได้สำหรับโรคติดต่อหลายโรค แต่สำหรับตัวเอชไอวีควรเจาะซ้ำอีกที ซึ่งนับกันที่ 3 เดือนหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง ถ้าผลเป็นลบก็ถือว่าไม่ติดเชื้อแล้ว” นพ.ชเนษฎ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญคือการส่งเสริมและบอกให้เพื่อนๆ ในสังคม ทุกช่วงวัย ทุกเพศ รู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ ควรจะป้องกันทุกครั้ง ใช้ถุงยางอนามัย โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย เพราะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมาก เพราะบางโรคติดกันง่าย เช่น เริม หูดหงอนไก่ หูดข้าวสุก หนองในแท้ หนองในเทียม โรคฝีมะม่วง แผลริมอ่อน แผลริมแข็ง โลน ฯลฯ พวกนี้น่ากลัวเพราะบางคนติดเชื้อระยะยาว หลายโรคจะลามเข้าสู่กระแสเลือด เข้าไปทำลายสมอง หัวใจ และระบบประสาทได้

“หมอเจอคนจำนวนมากที่ไม่ป้องกันเวลามีเพศสัมพันธ์ บางรายมีหูดขึ้นทั้งที่ลิ้น ในคอ และที่อวัยวะเพศ ที่ทวารหนัก เวลารักษาก็รักษานาน และทรมานหากเป็นหลายที่พร้อมกัน” นพ.ชเนษฎ์กล่าว

นพ.ชเนษฎ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ยังมีโรคอีกมากที่ยังป้องกันไม่ได้ แม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ที่ดีจึงควรเกิดจากความรัก ความสัมพันธ์ บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ รักเดียวใจเดียว

“หลายคนอาจจะว่าผมพูดแบบคนโบราณ แต่ถ้ามาอยู่ในจุดที่ผมรักษาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บ่อยๆ คุณจะเข้าใจเลยว่าป้องกันแล้วก็ยังพลาดได้” นพ.ชเนษฎ์กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น