“ทนายษิทรา” โพสต์ข้อความถึง “ทนายอัจฉริยะ” ว่าหลังจากนี้อาจจะสดไม่ออกและอยู่ในโหมดนุ่มนิ่ม เนื่องจากโดนรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี จากการโดนศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิพากษามีความผิดจากการละเมิดอำนาจศาล โดยกล่าวหาว่าศาลล็อกสำนวนเพื่อช่วยเหลือทนายษิทรา
กรณีที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำพิพากษารอกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ต่อนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ผ่านเพจ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” กล่าวหาว่าศาลได้มีการล็อกสำนวนเพื่อช่วยเหลือนายษิทรา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” กล่าวถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หลังจากศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำพิพากษารอกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ในข้อหาละเมิดอำนาจศาล โดยได้ระบุข้อความว่า
“คนกระทำผิดจริง ไม่ได้ดูที่หมายจับครับ แต่ดูที่ศาลเขาพิพากษาว่าอะไร คนที่หมิ่นศาลเอามัน บอกมีหลักฐานชัดเจนในการเอาผิดศาล ว่าศาลถูกล็อกตัวผู้พิพากษา พอสุดท้ายอยู่หน้าบัลลังก์ แลหงอยๆ สารภาพและขอขมา วันนี้พี่อัจฉริยะ เจอพิพากษาว่า #มีความผิดจริง แต่ให้รอการกำหนดโทษไว้ก่อน 2 ปี คือระหว่าง 2 ปีนี้ไปทำอะไรที่ผิดก็จะมากำหนดโทษของจริง ร้องไห้ตอนนี้ก็ไม่ทำให้พ้นผิดนะครับ ไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นคดีเดียวที่โดนในปีนี้ไหมนะครับ มารอลุ้นกัน
แต่ที่แน่ๆ ช่วงนี้พี่เขาอาจจะสดไม่ออก เพราะมีคาดโทษไว้ อาจต้องปรับโหมดนุ่มนิ่มหน่อย เพื่อความปลอดภัยนะครับ ผมเป็นห่วง”