พระนครศรีอยุธยา - ศาลกรุงเก่าพิพากษา รอกำหนดโทษ “อัจฉริยะ” 2 ปี กรณีไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าศาลได้มีการล็อกสำนวนเพื่อช่วยเหลือ “ทนายตั้ม” เป็นการละเมิดศาล
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดฟังคำพิพากษาใน คดีหมายเลขดำที่ อ ลศ 1/63 ระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้กล่าวหา กับนายอัจฉริยะ หรือธัญเทพ หรือรเณศ หรือโรจนทวี เรืองรัตนพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่า ศาลได้มีการล็อกสำนวนเพื่อช่วยเหลือนายษิทรา
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า ไม่เป็นความจริงอย่างที่นายอัจฉริยะ กล่าวอ้าง โดย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมทีมทนายความ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพิพากษาว่า ศาลไต่สวนคดีมีมูล แม้เป็นการทำนอก บริเวณศาล แต่ผลมุ่งหมายให้มีผลในการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาล แสดงว่ามีผลเหนืออิทธิพล เหนือความรู้สึกของพยานและเหนือศาล อันจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาล และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น
ถือว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล พิพากษาว่า นาย อัจฉริยะ ผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 180 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1), 33 ผู้ถูกกล่าวหาเคยช่วยเหลือผู้เสียหายหลายคดี ถือว่าเป็นผู้มีคุณงามความดี และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาได้เผยแพร่ข้อความและภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ ขออภัยสำนักงานศาลยุติธรรม และจะไม่กระทำการดังกล่าวอีก ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาสำนึกในการกระทำของตน จึงเห็นควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหา โดยรอกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามกระบวนกฎหมายอาญา มาตรา 56
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวว่า จากการที่นายอัจฉริยะ มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ละเมิดศาลว่าในคดีที่ตนเองเป็นทนายความ ศาลมีการยกฟ้องในคดีทั้ง 2 คดี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาคนเดียวกัน เป็นการล็อกสำนวน เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2563 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบขอเท็จจริงว่ามีการล็อกสำนวนของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการไต่สวนแล้วไม่เป็นความจริง ตนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อศาล และนายอัจฉริยะ ได้แถลงรับสารภาพต่อศาลและโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยอมรับว่ากระทำความผิดจริง ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี ห้ามไปกระทำผิดอีก
คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชน ว่าการไลฟ์สด การโพสต์ ข้อความกล่าวหาผู้อื่นที่ไม่เป็นความจริง เป็นการหมิ่นประมาท เป็นการละเมิด ถือว่าเป็นความผิด มีโทษถึงจำคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการตัดสิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด