ชำแหละทุนพลังงาน ไม่ยอมลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 50 สต.ตามคำสั่ง กบง. แต่ไปหั่นค่าการตลาดแทน ซึ่งขึ้นรอไว้ก่อนหน้าแล้ว จี้ รมว.พลังงาน เด็ดขาด ต้องควบคุม อย่าปล่อยคนบางกลุ่มหาผลประโยชน์
วันที่ 17 มิ.ย. 63 ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผอ.ศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต คุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ และ สปช.ด้านพลังงาน พร้อมด้วย คุณณกานต์ จันธิราชนารา แกนนำกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “ส่องราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ลดลง 50 สตางค์/ลิตร จริงหรือ?”
โดย ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบลดราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะมีผลวันนี้ (17 มิ.ย.) พบว่าจริงๆ แล้ว ไปลดที่ค่าการตลาดแทน คือโครงสร้างน้ำมัน จะมีราคาหน้าโรงกลั่น ตัวนี้ที่ต้องการให้ลด แล้วก็มาบวกภาษี บวกกองทุน บวกค่าการตลาด แต่พอไปดูจริงๆ ราคาหน้าโรงกลั่นยังแพงเหมือนเดิม
วันที่ 16 มิ.ย. ราคาหน้าโรงกลั่น 9.08 บาท พอวันต่อมา ราคาน้ำมันดิบขึ้นก็จริง แต่รวมแล้วถ้าลด 50 สตางค์ จะเหลือ 8.82 บาท แต่กลับกลายเป็นราคา 9.31 บาท แสดงว่าราคาหน้าโรงกลั่นไม่ลงจริง
นอกจากนี้ วันที่ 15 มิ.ย. คือ วันที่ กบง.สั่งให้ลด พอวันที่ 16 มิ.ย. เขาขึ้นราคาค่าการตลาดรอไว้เลย พอ 17 มิ.ย. ก็ไปลดค่าการตลาด
“วิธีดูว่าจริงใจไหม ถ้าลดจากต้นทาง 50 สตางค์ เมื่อคูณภาษีไปแล้ว มันจะลดมากกว่า 50 สตางค์ เพราะส่วนลดมันคือ 50 สตางค์ บวกภาษี ก็จะลดไปด้วย ดังนั้นจะต้องหายมากกว่า 50 สตางค์ แต่นี่หาย 50 สตางค์เป๊ะ เพื่อเล่นกลว่าฉันลดแล้วนะ ไม่ได้ทำตามที่รัฐมนตรีสั่ง จึงเกิดคำถามว่า กลุ่มทุนพลังงานมีอำนาจเหนือรัฐหรือไม่ รัฐไม่สามารถกำกับทุนพลังงานได้หรือไม่” ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุ
ด้าน นายณกานต์ กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องนี้ กำลังทำอะไรอยู่ ภาคการเมืองประกาศลด แต่ข้าราชประจำที่ต้องดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ทุนพลังงานเล่นแร่แปรธาตุโยกกันไปมา จึงเป็นข้อสงสัยว่าหลอกประชาชนหรือเปล่า แล้วเราจะมีกระทรวงพลังงานไว้ทำไม ถ้าทุนไม่ปฏิบัติตาม แต่ทำอะไรไม่ได้
น.ส.รสนา กล่าวว่า กบง. ต้องเข้าไปกำกับ ประกาศอะไรออกมาต้องทำตาม อย่าง กบง.ประกาศค่าการตลาดไม่เกิน 1.85 บาท แต่เขาทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ กบง.ไม่สนใจ กลายเป็น กบง.ออกมาเพื่อปกป้องกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันไหม
ไม่รู้ว่า นายสนธิรัตน์ จะอยู่ในตำแหน่งอีกนานแค่ไหน ควรทำไว้เป็นเกียรติประวัติของตัวเอง เพราะทำแค่ราคาหน้าโรงกลั่น ก็ถูกยักย้ายไปมา เพราะมีจุดรั่วอยู่ แต่ถ้าทำให้เป็นทั้งบท เช่น กำหนดค่าการตลาดต้องไม่เกินเท่าไหร่ ส่วนราคาหน้าโรงกลั่น ให้เท่าราคาส่งออกคงยาก อย่างน้อยควรกำหนดราคาเท่าที่สิงคโปร์ ต้องมีกั้นเอาไว้ทั้ง 2 ทาง ส่วนเอทานอล ควรเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ที่อ้างว่าช่วยเกษตรกร แต่ไม่ได้ถึงมือเกษตรกรเลย
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวเสริมว่า เอทานอลเป็นตัวที่ทำให้กองทุนน้ำมันตัน จริงๆ แล้วราคาไม่ควรแพงกว่าเบนซิน 95 ที่เมืองนอกจะเทียบว่าใช้แทนกันได้ แต่เอทานอลวิ่งได้สั้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องราคาถูกกว่า ฉะนั้นเบนซิน 9 บาทกว่า เอทานอลราคาก็จะแถว ๆ นี้ แต่ไทยตั้ง 23 บาท แล้วบอกช่วยเกษตรกร ตนก็หาเกษตรกรรวยจากเอทานอลไม่เจอเลย
วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และปลัดฯ ต้องอย่าให้โครงการพลังงานเป็นเรื่องหาผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม