“รสนา” จี้ “รมว.พลังงาน” ยกเลิกกองทุนน้ำมัน หลังโควิดทำราคาน้ำมันดิบถูกกว่าขยะ เลิกอ้างมีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพเวลาราคาขึ้นสูง เพราะที่ผ่านมาเอาไปชดเชยเอทานอลของไทยที่ตั้งแพงกว่าตลาดโลกถึงราว 70% เป็นการอุ้มกำไรโรงกลั่นซะมากกว่า ลั่นหยุดขูดรีด ปชช. น้ำมันจะถูกลงทันทีลิตรละ 5-6 บาท
วันนี้ (24 เมษายน 2563) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “รสนา โตสิตระกูล” ว่า ...
“ถึงเวลายกเลิกกองทุนน้ำมันหรือยัง!?”
ราคาน้ำมันดิบตลาดซื้อขายล่วงหน้าเมื่อ 21 เมษายน 2563 ติดลบสูงสุด 37.63 $/บาร์เรล เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 30 ปีของประวัติศาสตร์น้ำมันโลกที่แสนพิลึกกึกกือ คือ น้ำมันดิบถูกกว่าขยะ เพราะปริมาณน้ำมันดิบมีมากจนไม่มีที่เก็บ ไม่มีใครซื้อ จนต้องให้ฟรีแล้วแถมเงินให้อีกลิตรละ 7.73บาท อันเป็นผลกระทบจากโรคระบาดโควิด ที่ทำให้การเดินทางหยุดลง ธุรกิจและอุตสาหกรรมใช้น้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ กองทุนน้ำมันที่มีข้ออ้างว่าต้องมีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกไม่ให้มีราคาสูงจนประชาชนเดือดร้อน เวลาน้ำมันดิบตลาดโลกแกว่งตัวสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะในระยะหลังกองทุนน้ำมันเอาเงินมาชดเชยราคาเอทานอลของไทยที่มีราคาสูงกว่าตลาดโลกประมาณ 70% น่าจะเรียกว่าเป็นกองทุนไว้อุ้มกำไรโรงกลั่นมากกว่า ใช่หรือไม่
สถานการณ์ในขณะนี้ ยืนยันได้ว่า น้ำมันดิบตลาดโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และจะไม่มีราคาสูงจนประชาชนรับไม่ไหว
ดิฉันเคยเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน หยุดเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนน้ำมัน ระหว่างวิกฤตโควิด เพราะปัจจุบันสถานะของกองทุนน้ำมัน มีเงินสะสมสูงถึง 41,740 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่รีดจากกระเป๋าประชาชนอย่างมหาศาล
ดิฉันเสนอว่า ถ้ายังต้องการผสมเอทานอลในเบนซิน ก็ขอให้ผสมเพียงชนิดเดียว คือ แก๊สโซฮอล์ 95 ควรยกเลิกการผสมเอทานอลใน อี85 และ อี20 ที่ต้องเอาเงินจากกองทุนน้ำมันไปชดเชยในปริมาณที่สูงกว่าราคาเนื้อน้ำมันเบนซิน
ในสถานการณ์ขณะนี้ควรนำเอทานอลมาทำแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อราคาถูกจำหน่ายให้แก่ประชาชนแทนจะดีกว่าหรือไม่
ข้อเสนอของดิฉัน ประชาชนจะได้ประโยชน์ 2ท าง คือ
1) การหยุดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จะประหยัดเงินประชาชนโดยรวมได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท/เดือน ราคาน้ำมันจะถูกลงทันทีลิตรละ 5-6 บาท หากยุติการนำเอทานอลมาผสมในน้ำมัน อี85 และ อี20 จะสามารถแก้ปัญหาความบิดเบี้ยวของโครงสร้างราคาน้ำมันได้ ใช่หรือไม่
2) เอทานอลที่ทำจากมันสำปะหลัง หรือกากน้ำตาล ราคาลิตรละ 23 บาทกว่า สามารถเอาไปเจือจางลงจาก 95.5% เป็นแอลกอฮอล์ 70 -75% เพื่อนำมาผลิตเป็นแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือ เมื่อย้ายเอทานอลปริมาณมากที่เคยผสมในเบนซิน ซึ่งปัจจุบันคนใช้น้ำมันน้อยลง จะทำให้มีเอทานอลเหลือภายในประเทศในปริมาณมากพอที่จะนำมาใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรคในราคาถูก ได้ประโยชน์ในการต้านเชื้อโควิดให้กับประชาชน ที่ขณะนี้หาซื้อแอลกอฮอล์ไม่ได้ หรือหาซื้อได้ ก็มีราคาแพงเกินเหตุ ใช่หรือไม่
ปัจจุบันน้ำมันเบนซินสิงคโปร์ราคาหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ลิตรละประมาณ 3-4 บาท ส่วนเอทานอลราคาลิตรละ 23.28 บาท เมื่อนำเอทานอลไปผสมเบนซิน ยิ่งผสมในสัดส่วนสูงก็ทำให้ราคาแพงขึ้น จึงต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมันที่ล้วงกระเป๋าผู้ใช้น้ำมันมาชดเชย ใช่หรือไม่
ราคาน้ำมันวันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563
- เบนซิน 95 ราคาหน้าโรงกลั่น ลิตรละ 4.8939 บาท บวก กองทุนน้ำมัน 6.58 บาท และบวกอื่นๆ ทำให้ราคาขายปลีกลิตรละ 24.36 บาท
- อี85 ราคาหน้าโรงกลั่น ลิตรละ 18.6835 บาท นำกองทุนน้ำมันมาชดเชย 7.13 บาท ราคาขายปลีกลิตรละ 15.04 บาท
- อี20 ราคาหน้าโรงกลั่นลิตรละ 8.3873 บาท นำกองทุนน้ำมันมาชดเชย 2.28 บาท ราคาขายปลีก 15.44 บาท
เพียงตัดกองทุนน้ำมันออกไปจากโครงสร้าง ราคาน้ำมันจะลดลงทันที โดยยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงค่าการตลาด และภาษีน้ำมันของรัฐ ตลอดจนประเด็นโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นที่ไม่เป็นธรรม
เบนซิน 95 ราคาขายปลีกจะเหลือลิตรละประมาณ 17.78 บาท
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาขายปลีกจะเหลือลิตรละประมาณ 16.33 บาท
กองทุนน้ำมันควรยกเลิกได้หรือยัง!?
ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจะคงกองทุนน้ำมันที่เป็นกองทุนที่รีดเงินจากผู้ใช้น้ำมัน เพื่อเพิ่มกำไรกับโรงกลั่นน้ำมัน เว้นเสียแต่ว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของธุรกิจโรงกลั่นมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนเท่านั้น ใช่หรือไม่?