อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ เสนอรัฐบาลจัดบิ๊กคลินนิ่งพื้นที่สาธารณะฆ่าเชื้อโควิด-19 พร้อมงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดราคาแกสโซฮอล์ แบ่งแอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมเอทานอล มาผลิตแอลกอฮอล์และเจลฆ่าเชื้อ
วันนี้(11 มี.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และเป็นผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกประกาศ หยุดการเรียนการสอนวันที่ 9-10 มี.ค.นี้ เพื่อทำความสะอาดมหาวิทยาลัยจากการระบาดของโรคโควิด-19 และน่าจะมีมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่จะมีโครงการบิ๊กคลีนนิ่งมหาวิทยาลัยอีก
ในเมื่อสถานการศึกษาเริ่มทำความสะอาดมหาวิทยาลัยแล้ว รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ประกาศทำบิ๊กคลีนนิ่งโดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่มีคนเดินทางเป็นจำนวนมาก เช่น รถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และบริเวณอาคารรถไฟ ป้ายรถเมล์ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ที่มีคนมาติดต่อจำนวนมาก และถ้าเอกชน เช่น โรงแรม โรงพยาบาลเอกชน ฯลฯ จะทำบิ๊กคลีนนิ่งด้วยก็จะช่วยป้องกันเชื้อโรคร้ายเข้าสู่ร่างกาย เพราะเชื้อโควิด-19 แพร่มาจากสารคัดหลั่ง จากการไอจาม น้ำลาย เสมหะที่ปนเปื้อนตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีคนใช้จำนวนมาก และสามารถติดต่อไปสู่บุคคลอื่นที่สัมผัสสารคัดหลั่งเหล่านี้
ดังนั้นถ้ามีการทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ และเช็ดทำความสะอาดพื้นที่ในอาคาร สถานที่ ลิฟท์ ราวบันได ห้องน้ำ และพื้นที่สาธารณะ ก็จะเป็นการช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้มาก
หลังจากทำความสะอาดแล้ว รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีเจลและแอลกอฮอล์ล้างมือให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนใช้ทำความสะอาดมือ เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อในพื้นที่สาธารณะ
ในช่วง 2-3 เดือนที่โรคโควิด-19 ยังระบาดอยู่ทั่วโลกและยังไม่มียารักษา การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แต่ประเทศไทยยังขาดแคลนทั้งหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อสำหรับประชาชน
ดิฉันขอเสนอให้รัฐบาลใช้วิกฤติเป็นโอกาสด้วยมาตราการที่เป็นการยิงนก 2 ตัวด้วยกระสุนนัดเดียวคือ
1)ขอให้รัฐบาลแบ่งแอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมน้ำมันเอทานอล มาใช้ผลิตเป็นแอลกอฮอล์และเจลสำหรับฆ่าเชื้อโควิด-19 จะสามารถแก้ปัญหาความขาดแคลนแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อได้ทันที เป็นการเน้นมาตราการป้องกันระหว่างที่ยังไม่มียารักษาโรคโควิด-19
2)ขอให้รัฐบาลประกาศงดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสัก 2-3 เดือน ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันมีเงินสะสมอยู่แล้วถึง 41,699 ล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นเงินที่ล้วงมาจากกระเป๋าของประชาชนผู้ใช้รถ ใช้น้ำมันทุกบาททุกสตางค์
เมื่องดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และลดชนิดน้ำมันที่ผสมเอทานอลลง จะมีเอทานอลเหลือไปใช้เป็นแอลกอฮอล์ และราคาน้ำมันจะลดลงทันที ดังนี้
@น้ำมันเบนซิน95 จะมีราคาเหลือลิตรละ 23.98บาท
@น้ำมันแกสโซฮอล95 จะมีราคาเหลือลิตรละ 22.95 บาท
@น้ำมันดีเซลจะมีราคาเหลือลิตรละ 23.22 บาท
การงดเว้นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมให้ประชาชนได้ถึงวันละ 80 ล้านบาท เดือนละ 2,400 ล้านบาท และยังช่วยลดค่าครองชีพจากราคาสินค้าโดยรวมที่จะลดลงเมื่อราคาน้ำมันลดราคาลงอีกด้วย นับเป็นการอุดหนุนประชาชนด้วยเงินของประชาชนเอง ที่ไม่ใช่ประชานิยมในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเพราะพิษโควิด-19