นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เผยประเทศไทยไม่มีผู้ป่วยภายในประเทศ 16 วันแล้ว เนื่องจากการจัดการของรัฐและความร่วมมือของประชาชน ตนเองเชื่อว่า หากมีการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ประเทศไทยจะสามารถรับมือได้ เนื่องจากนำข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมาเรียนรู้และหาวิธีรับมือ อีกทั้งมีห้องปฏิบัติการในการตรวจโรคที่มีคุณภาพ
วันนี้ (11 มิ.ย.) เพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี หากประเทศไทยเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2 ตนเองเชื่อว่า ประเทศไทยคงจะรับมือไหว ซึ่ง หมอมนูญ ได้โพสต์ข้อความอธิบายแนวคิดดังกล่าวนี้ไว้ว่า
“ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศในทวีปเอเชียที่อัตราตายจากโรคโควิด-19 ต่ำมาก ต่ำกว่าประเทศในยุโรปตะวันตก และทวีปอเมริกา ถึงปัจจุบันประเทศไทยมีคนเสียชีวิต 58 คน ในจำนวนนี้เป็นคนต่างชาติ 7 คน
อัตราตายของประเทศไทยจากโรคโควิด-19 ต่ำมาก 0.08 ต่อแสนประชากร จีน 0.33 ญี่ปุ่น 0.72 ในขณะที่อัตราตายในประเทศสหรัฐอเมริกา 33.56 ฝรั่งเศส 43.51 และ อังกฤษ 60.98 ต่อแสนประชากร (มากกว่าไทย 760 เท่า) ข้อมูลนี้มาจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา (ดูกราฟอัตราตายต่อแสนประชากรจากโรคโควิด-19 ของวันที่ 26 พ.ค. 2563)
อัตราตายจากโรคโควิด-19 ของทุกประเทศในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย เขมร รวมทั้งประเทศไทย ต่ำกว่าประเทศในยุโรปตะวันตกและทวีปอเมริกา
นักวิทยาศาสตร์พยายามหาเหตุผลว่า ทำไมอัตราตายจากโรคโควิด-19 ในเอเชียถึงได้ต่ำ แตกต่างจากประเทศในยุโรปตะวันตก และทวีปอเมริกา มีความเป็นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความแตกต่างทางพันธุกรรม เชื้อสาย เผ่าพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกัน อาจมีภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติ จากเคยได้รับวัคซีนป้องกันวัณโรคบีซีจีตั้งแต่เด็ก เคยป่วยเป็นวัณโรค เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 4 สายพันธุ์เดิมตั้งแต่เด็ก จำนวนคนสูงอายุมีโรคประจำตัว สุขภาพทั่วไป จำนวนคนอ้วน เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ดุร้ายไม่แพร่กระจายง่าย วัฒนธรรมแตกต่าง ไม่จับมือ ไม่หอมแก้มเวลาทักทายกัน ความร่วมมือของประชาชนในการสวมใส่หน้ากากอนามัย คนล้างมือบ่อยๆ ก่อนขยี้ตา แคะจมูก ความร่วมมือเว้นระยะห่างทางบุคคล ภูมิอากาศ อากาศร้อน ชื้น ระบบสาธารณสุขสามารถเข้าถึง รองรับคนป่วยได้ มีอุปกรณ์ป้องกัน เครื่องช่วยหายใจและเตียงผู้ป่วยไอซียูเพียงพอ ความเสียสละของแพทย์ พยาบาล และอื่นๆ สรุปสุดท้ายไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง
ประเทศไทยเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ปล่อยให้คนจำนวนมากเข้าชมมวยในสนามมวย ปัจจุบันเรามีห้องปฏิบัติการให้ตรวจวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น ดูแลรักษาผู้ป่วยหนักจนรอดชีวิต เรามีระบบป้องกันการติดเชื้อบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่ดี เรามีมาตรการกักกันผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ไม่ให้นำเข้าเชื้อไวรัสโควิดแพร่ระบาดในประเทศ
เราไม่มีการติดเชื้อระหว่างคนไทยด้วยกันในประเทศ 16 วันแล้ว และถ้าดูจากอัตราตายจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มระบาดในเดือนมกราคมถึงปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้ต่ำมาก ขณะนี้ภาครัฐกำลังผ่อนคลายมาตรการให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ได้ออกกำลังกาย เรียนหนังสือ ทำงาน ทำธุรกิจ อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เปิดสายการบินในประเทศ ยกเว้นบางกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มกันจำนวนมาก ต่างคนต่างส่งเสียงดัง เช่น สนามมวย ผับ บาร์ คาราโอเกะ และอยู่ในสถานที่อากาศปิด เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่ถ้าอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทดีทางธรรมชาติ ก็อาจพิจารณาเปิดได้ ประชาชนยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกนอกบ้าน หมั่นล้างมือบ่อยๆ ก่อนเอามือมาแคะจมูก ขยี้ตา และพยายามเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ถ้าทำได้ เชื่อว่าหากมีการแพร่ระบาดระลอก 2 ประเทศไทยคงจะรับมือไหว”
