การประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วันพรุ่งนี้ (8 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิจารณาแผนฟื้นฟู ขสมก. ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงคมนาคม
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า แผนฟื้นฟู ขสมก.มีสาระสำคัญ 3 ประการ คือ 1. เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน 2. เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและลดมลภาวะ 3. เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. อย่างยั่งยืนและไม่เป็นภาระต่อภาคัฐ โดยมีเป้าหมาย คือ หากแผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงได้รับการพิจารณาอนุมติในที่ประชุม จะทำให้ขสมก. เดินหน้าลดต้นทุนจัดหารถใหม่ให้ ขสมก. และเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก สำคัญคือ ต้องลดค่าโดยสารเหลือวันละ 30 บาท ขึ้นกี่เที่ยวกี่สายก็ได้ไม่จำกัด ยกเลิกโครงการจัดซื้อรถโดยสาร ตัดขาดขบวนการเพิ่มหนี้ลดต้นทุนทุกประเภท เผยต่อไปนี้ ขสมก.ไม่ต้องลงทุนเองหันมาใช้โมเดลเดียวกับต่างประเทศจัดจ้างเอกชนลงทุนจัดหารถเมล์ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ NGV เท่านั้นไม่ก่อมลภาวะโดยเฉพาะละอองฝุ่น PM 2.5
โดยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เผยถึงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ว่า เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนตนขอเปรียบเทียบแผนฟื้นฟูฉบับเดิมกับแผนฟื้นฟูฉบับปัจจุบัน กล่าวคือ แผนฟื้นฟูเดิมนั้นยังไม่ตอบโจทย์เรื่องของการลดภาระค่าโดยสารจากประชานและยังคงสร้างภาระหนี้เพิ่มด้วยการจัดซื้อรถใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2,500 คัน โดยต้องใช้วงเงินกู้กว่าสองหมื่นล้านบาท และใช้วิธีการผลักภาระให้ประชาชน โดยเพิ่มค่าโดยสารจากเดิม 9-15 บาทขึ้นเป็น 15,20,25 บาท เมื่อเปรียบจากแผนเดิมเฉลี่ยคนเดินทางไปกลับ 2.04 เที่ยว/วัน ต้องจ่ายค่าโดยสารอย่างน้อย 48 บาท/วัน แต่แผนใหม่จ่ายทั้งวัน 30 บาท จะขึ้นกี่สายกี่เที่ยวก็ได้ไม่จำกัด โดยมีแผนรองรับเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรนักเรียนหรือบัตรรายเดือน เพื่อเป็นการรองรับผู้โดยสารที่มีรายได้น้อย ที่สำคัญ แผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงนี้จะทำให้ต้นทุนการให้บริการของขสมก. ลดลงจาก 54 บาทต่อกิโลเมตร ลดลงเมื่อจ้างเอกชนเดินรถจะเหลือไม่ถึง 34 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกันกับข้อมูลของ นายสุเมธ องกิตติกุล ผอ.วิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดในอดีตของ ขสมก.ที่มีปัญหามากพอสมควร คือ โครงสร้างต้นทุนค่อนข้างสูงได้แก่บุคลากรและเชื้อเพลิง ปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานเกือบ 14,000 คน รถ 1 คันต้องใช้พนักงานขับรถถึง 3 คน ล่าสุด มีพนักงานเก็บค่าโดยสาร 5,781 คน ตรงนี้คือต้นทุนโครงสร้างด้านบุคลากร ส่วนโครงสร้างด้านเชื้อเพลิง ถ้าเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ NGV ก็จะช่วยลดต้นทุนได้อีกทาง
นอกจากต้นทุนต่อกิโลเมตรลดลงแล้ว แผนฟื้นฟูฉบับใหม่มีความจำเป็นต้องกำหนดเส้นทางเดินรถใหม่ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางบนค่าโดยสารใหม่ทั้งวันได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งแต่ละเส้นทางต้องไม่ทับซ้อนกันเหมือนทุกวันนี้ ที่มีจำนวนรถโดยสารอยู่บนท้องถนนมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เส้นทางบนถนนพหลโยธินเพียงสายเดียวมีเส้นทางเดินรถทับกันถึง 30 เส้นทาง เฉลี่ยเส้นทางละ 30 คัน เท่ากับมีรถเมล์ 900 คัน จอดเรียงรายบนถนนพหลโยธิน รถเมล์ 1 คัน ยาว 12 เมตรเท่ากับเราเสียพื้นที่ถนนไป 10 กิโลเมตร แต่ถ้าใช้แผนฟื้นฟูฉบับแก้ไขปรับปรุงเราจะลดจำนวนรถเมล์ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง โดยส่วนตัวตนมีความเชื่อมั่นว่า แผนฟื้นฟูฉบับนี้ตอบโจทย์ได้ทุกข้อเชื่อมาเรามาถูกทางแล้ว “ถ้าแผนฟื้นฟูไม่สำเร็จ ผมพร้อมพิจารณาตัวเองเปิดทางให้คนอื่นมาบริหาร ขสมก.” นายสุระชัย กล่าวทิ้งท้าย