วันนี้ (5 มิ.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวหา 3 ป. จะได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 4 แสนล้านบาท ว่า นายรังสิมันต์ คงไม่ได้ติดตามการเมือง หรือไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์ถึงพูดจากใส่ร้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. มาโดยตลอด ซึ่งอะไรเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร นั้น นายรังสิมันต์ ก็จะพยายามหยิบมาเชื่อมโยงเพื่อปลุกกระแสความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นนอกสภา ที่ผ่านมา จะเห็นว่า นายรังสิมันต์ โรม กับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะทำงานกันเป็นทีม คนนึงพูดร้องเรียนในสภา แต่อีกคนพูดนอกสภา โดยล่าสุด อ้างว่า งบ 4 แสนล้านบาทนั้น นักการเมืองจะได้ประโยชน์ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ความจริงรัฐบาลภายใต้การคุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ทำเพื่อประชาชนที่เดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19
นายสามารถ เผยอีกว่า ขอให้ นายรังสิมันต์ เปิดหูเปิดตาและฟังให้ดี ตนจะยกประวัติศาสตร์ในอดีตประเทศไทยมีการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 20 ฉบับ โดยเริ่มต้นครั้งแรกสมัยยุคคณะราษฎร ช่วงปี พ.ศ.2481-2487 มีการออกกฎหมายกู้เงินจำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 พ.ร.บ.จัดการกู้เงินในประเทศเพื่อเกษตรกร พ.ศ. 2481 จำนวน 25 ล้านบาท, ฉบับที่ 2 พ.ร.บ.จัดการกู้เงินในประเทศเพื่ออุตสาหกรรม พ.ศ. 2481 วงเงิน 20 ล้านบาท, ฉบับที่ 3 พ.ร.บ.จัดการกู้เงินในประเทศเพื่อเทศบาลการบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2481 วงเงิน 20 ล้านบาท, ฉบับที่ 4 พ.ร.บ.กู้เงินในประเทศ พ.ศ. 2485 ไม่เกิน 60 ล้านบาท โดยให้เรียกว่าเงินกู้เพื่อชาติ พ.ศ. 2485, ฉบับที่ 5 คือ พ.ร.บ.กู้เงินในประเทศ พ.ศ. 2487 โดยให้เหตุผลเรื่องการกู้เงินเพื่อประโยชน์แก่ชาติ ให้รัฐบาลมีอำนาจกู้เงิน โดยการออกตั๋วเงินคลังเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายตามงบประมาณ โดยอาศัย พ.ร.บ.ตั๋วเงินคลัง พ.ศ.2487 ที่ออกเป็นฉบับที่ 6 ในเวลาต่อมา
นายสามารถ เผยต่อว่า นอกจากนี้ สมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ก็เคยมีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเช่นเดียวกัน โดยสมัยนั้นเรียกว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 พ.ศ. 2545 โดยมีการกู้เงินรวมกันมูลค่าต้องไม่เกิน 7.8 แสนล้านบาท เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ต่อมา ยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มี พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 โดยมีการกู้เงินรวมกันไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 53 หรือที่เรียกกันว่า ไทยเข้มแข็ง
“สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มี พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 หลังจากเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ เมื่อปี 2554 โดยมูลค่ารวมกันไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท กู้ภายในไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย. 2556 นั้นคือ สิ่งที่อยากให้ นายรังสิมันต์ โรม ได้เห็นว่า ในอดีตทุกรัฐบาลที่กล่าวมาก็ได้มีการกู้เงิน แต่รัฐบาลปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีการปล่อยให้ทุจริตคอร์รัปชันและการกู้เงินนั้นคนที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง คือ ประชาชน ไม่ใช่ 3 ป. อย่างที่นายรังสิมันต์ กล่าวโจมตี”
นายสามารถ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนอยากให้ นายรังสิมันต์ เปิดใจรับฟังมากกว่านี้ เพราะ นายรังสิมันต์ มีโทสาคติ โกรธแค้น พล.อ.ประวิตร ซึ่งตนเป็นห่วงว่า ในอนาคตจะโดนคดีเพิ่มเติม เพราะด้วยความมีโทสาคติในใจ ไม่รับฟังความคิดเห็นแล้วเอาข้อมูลเท็จมาบอกประชาชน นั้นคือ สิ่งที่ตนต้องการให้ นายรังสิมันต์ ปรับปรุงตัว และที่พูดนั้นเพื่อประโยชน์แก่ตัว นายรังสิมันต์ เองทั้งสิ้น และเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐ จะมีการปรับหัวหน้าพรรคหรือไม่ ก็ไม่ใช่กิจการอะไรของพรรคก้าวไกล อยากบอกนายรังสิมันต์ นอกจากควรศึกษาหาความรู้ให้มากขึ้นแล้ว ก็ควรศึกษาเคารพกฎการอยู่ร่วมกันด้วย อย่ามีแต่กฎกูเพียงอย่างเดียว ไม่งั้นกลัวว่าพรรคก้าวไกลจะซ้ำรอยเหมือนพรรคสีส้มเดิมในอดีต