มีรายงานว่า นายกสตูล ตั้งค่าหัวฉลามที่กัดเด็กจนเท้าเหวอะ ทำให้ ดร.ธรณ์ ต้องออกมาโพสต์ข้อความวอน อย่าออกตามล่าฉลามเลย เนื่องจากฉลามเป็นดัชนีชี้วัดระบบนิเวศ แนะพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดีกว่า ชวนเจ้าหน้าที่กรมทะเลในพื้นที่อธิบายเพื่อทำความเข้าใจ
จากกรณีชาวเน็ตโพสต์ภาพบาดแผลที่เท้าของเด็กชายรายหนึ่งที่ถูกปลาฉลามกัด บริเวณท่าเทียบเรือเจ๊ะบิลัง อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ต้องเย็บแผลเกือบ 50 เข็ม โดยผู้โพสต์ระบุว่า “ขอเตือนพี่น้องชาวตำบลเจ๊ะบิลังนะคะว่า ช่วยๆ ดูแลบุตรหลานของท่านด้วย อย่าให้มาเล่นน้ำเค็มที่ท่าเรือแล้ว เพราะวันนี้มีเด็กถูกปลาฉลามกัดเท้าเกือบขาด เย็บไปเกือบ 50 เข็ม ช่วยๆ ดูแลหน่อยนะคะ”
ต่อมา ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาระบุข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ ว่า พื้นที่แถวนั้นเป็นหาดเลน และป่าเลน น้ำขุ่น ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว แต่เด็กๆ แถวนั้นอาจมาเล่นกัน บางทีแถวปากน้ำอาจมีฉลามเข้ามาหากิน หากให้ระบุชนิด อาจเป็นลูกฉลามหัวบาตร (bull shark) เพราะชอบเข้าน้ำกร่อย/ปากแม่น้ำ (แน่นอนว่า มีสิทธิเป็นชนิดอื่น แต่น่าจะตัวนี้ครับ) ข่าวฉลามกัดคนมีมาก 1-2 ปีหน ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกัน ฉลามขนาดไม่ใหญ่ กัดที่เท้า และไม่ได้ตั้งใจล่า แต่เป็นการเข้าใจผิด เมื่องับแล้วรู้ว่าไม่ใช่เหยื่อก็ว่ายหนีไป
ล่าสุด วันนี้ (31 พ.ค.) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” โดยได้วอนขอให้ประชาชน อย่าไปตามล่าฉลาม เนื่องจากที่ผ่านมา มีเหตุฉลามกัดคนนานๆ ครั้ง เกิดที่ภูเก็ต หัวหิน พังงา ก็ไม่ได้มีการตามล่ากัน คนในพื้นที่เข้าใจและระวัง จากนั้นก็ไม่มีกรณีแบบนั้นในพื้นที่อีกเลย ทราบดีว่า คนสตูลรักทะเล มีเครือข่ายช่วยกันมาตลอด อยากฝากว่าช่วยกันอธิบายให้ชัดเจน ฉลามเป็นส่วนหนึ่งของทะเล เป็นดัชนีชี้วัดระบบนิเวศ ทะเลสตูลจะเป็นสุดยอดทะเลไม่ได้หากปราศจากฉลาม ลองพูดคุยกันและหาทางออกร่วมกัน และเจ้าหน้าที่กรมทะเลในพื้นที่อาจช่วยอธิบายเพื่อความเข้าใจครับ