เพจ “PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี” โพสต์เรื่องราวเตือนสำหรับทาสแมว ต้องรู้เรื่องโรคขี้แมวขึ้นสมอง โดยสาเหตุเกิดจากกินอาหาร-ดื่มน้ำ ที่มีการปนเปื้อนมูลแมว การสัมผัสกับดินหรือกระบะเลี้ยงแมวแล้วล้างมือไม่สะอาด นอกจากนี้ หากเกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงแท้งหรือลูกอาจเกิดความผิดปกติได้
วันนี้ (25 พ.ค.) เพจ “PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี” โพสต์เรื่องราวเตือนสำหรับคนรักสัตว์ ให้หมั่นตรวจสุขภาพ หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง โดยทางเพจเล่าว่า “ผู้ป่วยชายอายุ 30 ปีรายหนึ่ง มีรอยโรคขนาด 5 มิลลิเมตร ที่ตาขวา และขนาดเกือบ 1 มิลลิเมตร ที่ตาซ้าย ผลตรวจต่างๆ มีความสัมพันธ์กับการโรค Chorioretinal Toxoplasmosis ที่เกิดจากติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง หรือ Toxoplasma gondii
โดยเชื้อนี้มักพบในสัตว์เลือดอุ่นโดยเฉพาะแมว พบได้ทั่วโลก คนติดต่อโดยกินเนื้อที่ปรุงไม่สุก กินอาหาร ดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนมูลแมวที่มีเชื้อ การสัมผัสกับบริเวณดิน หรือกระบะเลี้ยงแมวแล้วล้างมือไม่สะอาด การถ่ายเลือด ปลูกถ่ายอวัยวะและถ่ายทอดผ่านรกจากแม่สู่ลูก การติดเชื้อชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดอาการทางตา โดยเฉพาะเด็กที่เกิดมาพร้อมการติดเชื้อชนิดนี้ โรคนี้สามารถทำให้เกิดแผลเรตินาอักเสบและเป็นรอย ทำให้เจ็บตา ทนแสงไม่ได้ เกิดการฉีกของเรตินา และสายตาพร่ามัว
ในภาวะปกติ คนปกติผู้ที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ต่อมน้ำเหลืองโต และกดเจ็บบริเวณศีรษะและคอ ปวดหัว มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วย HIV หรือมะเร็ง อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มึนงง มีไข้ ปวดหัว สายตาพร่ามัว ชัก คลื่นไส้ การประสานงานของร่างกายไม่ดี
มีงานวิจัยรายงานว่า เชื้อนี้สามารถส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและพฤติกรรม โดยทำให้เกิดบุคลิกภาพแบบหวั่นไหว (Neuroticism) โรคจิตเภท (Schizophrenia) โรคซึมเศร้า (Depression) และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย แต่ก็มีรายงานวิจัยหลายฉบับเช่นที่แย้งในประเด็นเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ท่านที่ชอบคลุกคลีกับแมว ผู้ที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ ชำแหละ และขายเนื้อสัตว์ ควรหมั่นตรวจสุขภาพตนเอง เมื่อมีอาการดังข้างต้น หญิงตั้งครรภ์ ควรตรวจคัดกรองเมื่อครบตามกำหนด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะตามมา สำหรับหญิงที่เคยติดเชื้อควรออย่างน้อย 6 เดือน หลังการติดเชื้อ ก่อนจะตั้งครรภ์ เพราะการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์ อาจทำให้แท้งเด็ก เด็กเสียชีวิตในท้อง หรือเด็กเกิดมาอาจมีศีรษะขนาดไม่ปกติ และเมื่อโตขึ้นอาจมีปัญหาทางระบบประสาท เช่น เสียการมองเห็น มีความบกพร่องทางสติปัญญา และชัก”