ชาวเน็ตแชร์ยับ “หมู่แบงค์” ตำรวจสังกัด ตชด.33 อยู่เบื้องหลังการตายของเตี้ย สุนัขแสนรู้ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนเจ้าตัวปิดโซเชียลฯ หนี ด้านมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ แจ้งความเอาผิด พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ แถมบาดแผลของเตี้ยมีรูลึกอีก 4 รู เชื่อไม่ได้ลงมือทำคนเดียว
กรณีที่ “เตี้ย” สุนัขเพศผู้สีขาว น้ำตาลและดำ อายุ 8 ปี อาศัยอยู่ที่ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตายอย่างปริศนาก่อนที่จะพบซากบริเวณป่าในซอยพระนาง ด้านหลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา บ้านช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งศูนย์ชันสูตรโรคสัตว์ โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า วินิจฉัยเบื้องต้นน่าจะเสียชีวิตจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณขาหลังและช่วงล่างของลำตัว ร่วมกับการฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะ ในส่วนรอยแตกของกะโหลกที่พบอาจเป็นหลังจากเสียชีวิตเนื่องจากไม่พบการอักเสบของเนื้อเยื่อและเลือดออกบริเวณดังกล่าว
กระทั่งมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้เข้าช่วยเหลือติดตามประสานงานคดีร่วมกับแอดมินเพจ “เตี้ย มช.” และตำรวจ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก แกะรอยจากกล้องวงจรปิด พบชายรายหนึ่งขับขี่จักรยานยนต์เรียกเตี้ยขึ้นรถ บริเวณลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัย เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะออกจากมหาวิทยาลัย กลับรถหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพระนาง ทางไปยังจุดพบซากของเตี้ย กระทั่งได้ตัวผู้ต้องสงสัยอ้างว่าสงสารที่เตี้ยไม่ได้ออกไปไหน จึงคิดจะพาไปเที่ยว แต่เตี้ยกระโดดลงจากรถขณะขับขี่ทำให้ล้อหลังทับตายทันที จึงนำไปโยนทิ้งพร้อมโกยใบไม้กลบเพื่อหลบหนีความผิดและการติดตามตัว ที่ผ่านมาไม่ได้แสดงตัวเพราะกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่ราชการ
ความคืบหน้าวันนี้ (18 พ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก น.ส.ณภัทร นิธิวรภาส เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ และคณะ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก และผู้บังคับบัญชาจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (ตชด.33) ต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัย ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยได้เชิญตัวสิบตำรวจโทนายหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ขับขี่จักรยานยนต์พาสุนัขชื่อเตี้ยออกจากมหาวิทยาลัย มาพูดคุยก่อนนำตัวแยกเข้าห้องสอบสวน หลังการประชุม พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึงคำสารภาพของผู้ต้องสงสัย ทางมูลนิธิฯ ได้ขอแจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ซึ่งได้รับเป็นคดีไว้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลตามร่างกายของเตี้ย หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วจะแจ้งต้นสังกัดทราบเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป
ขณะที่ น.ส.ณภัทรเปิดเผยว่า พบข้อพิรุธผู้ต้องสงสัยหลายอย่าง ทั้งคำรับสารภาพที่ว่าพาเตี้ยไปแล้วเกิดอุบัติเหตุเจ้าเตี้ยโดดลงรถแล้วล้อหลังทับแล้วตาย ความเป็นจริงไม่น่าเป็นไปได้ อีกทั้งจากภาพวงจรปิดก็พบว่าคนที่พาเตี้ยออกไป กับคนที่ขับพาเตี้ยเข้าซอยพระนาง ทางไปยังจุดพบซากของเตี้ยแต่งตัวไม่เหมือนกัน บาดแผลของเตี้ยมีรูลึก 1 เซนติเมตร 4 รู โดยมีพยานว่าได้ยินเสียงปืน 4 นัดในคืนที่เกิดเหตุ จึงเชื่อว่าเกิดการทารุณกรรมสัตว์ขึ้น และคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน อีกทั้งยังสงสัยว่าทำไมผู้ต้องสงสัยต้องพาออกนอกมหาวิทยาลัยในช่วงเวลา 2 ทุ่ม ทั้งที่เวลา 22.00 น.เป็นช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ตนไม่อยากให้เตี้ยต้องตายฟรี ความจริงทุกอย่างต้องประจักษ์ต่อสังคม
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในโซเชียลมีเดียได้ส่งภาพโปร์ไฟล์เฟซบุ๊กผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของเตี้ย คือ สิบตำรวจโท ปริญญา ปัญญาบุตร หรือหมู่แบงค์ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (ตชด.33) ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภูมิลำเนาเป็นชาวอำเภอเมืองฯ จังหวัดลำปาง ซึ่งภายหลังจากที่โลกโซเชียลฯ ได้ออกมาตีแผ่ว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าตัวได้ปิดสื่อสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก Parinya Panyaboot และอินสตาแกรม superbankk ไปแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา