ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หนุ่ม ตชด.ยศ ส.ต.ท.ผู้ต้องสงสัยทารุณกรรม “พี่เตี้ย” ตาย เข้าพบ ตร.ให้ปากคำอีกครั้ง แต่ยังปฏิเสธและยังไม่ถูกแจ้งข้อหาก่อนเดินทางกลับ ขณะที่ตัวแทนมูลนิธิวอชด็อกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เอาเรื่องถึงที่สุด
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการตายปริศนาของ “พี่เตี้ย” สุนัขไร้เจ้าของชื่อดังของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นที่รักใคร่ของบรรดานักศึกษา รวมทั้งผู้ที่รักสุนัข ซึ่งวานนี้ (17 พ.ค. 63) มีการเปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดจับภาพของพี่เตี้ยได้ที่บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ใกล้กับอ่างแก้ว ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วงค่ำวันที่ 3 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 20.34 น. ซึ่งปรากฏว่าระหว่างที่พี่เตี้ยนอนเล่นอยู่ คนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดแล้วเรียกพี่เตี้ยขึ้นรถขี่ออกไปทางด้านหน้ามหาวิทยาลัย ขณะที่ชายคนขี่จักรยานยนต์ในภาพ ซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดนได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกแล้ว ยอมรับว่าเป็นชายในภาพที่รับพี่เตี้ยออกไปขี่รถเล่น แต่ระหว่างทางพี่เตี้ยกระโดดลงรถทำให้ถูกล้อหลังของรถทับจนตาย จากนั้นจึงนำไปทิ้งเพราะกลัวความผิด แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาทารุณและฆ่า อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ที่ติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิดไม่ปักใจเชื่อ และยืนยันดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุดเพื่อให้ความจริงปรากฏ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ (18 พ.ค. 63) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก พร้อมพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวแทนมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ และผู้ชายต้องสงสัยที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ยศ ส.ต.ท. อายุ 27 ปี เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ผู้ถูกกล่าวหานั้นได้เดินทางมาพร้อมกับพี่สาวและผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยสอบถามกันนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ทางฝ่ายชายต้องสงสัยจะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับก่อน โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนทางด้านตัวแทนมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอเป็นผู้กล่าวโทษร้องทุกข์ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ต่อผู้ชายต้องสงสัยที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนคนดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยอมรับว่านำสุนัขออกไปด้วยจริง และเกิดอุบัติเหตุ แต่ประเด็นที่จะเกิดจากการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ยังต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งกล้องวงจรปิด, พยานในที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อมต่างๆ หรือแม้กระทั่งข้อมูลจากสัตวแพทย์ผู้ชันสูตรและความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับลักษณะการตาย เพื่อเชื่อมโยงบ่งชี้ว่าเกิดอะไรขึ้นและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายและหลักฐานอย่างแน่นอน ส่วนการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเข้าพบในครั้งนี้นั้น เพื่อเป็นการสอบถามพูดคุย หลังจากนั้นก็เป็นการเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพราะอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน ส่วนโทษของคดีการทารุณกรรมสัตว์นั้น มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนางสาวณภัทร นิธิวรภาส เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า เดินทางมาให้ข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อ 17 พ.ค. 63 ที่ได้ร่วมกับตำรวจสอบสวนผู้ต้องสงสัยได้ยอมรับว่าพาพี่เตี้ยออกไปจริง แต่อ้างไม่ได้ทารุณ ขณะที่วันนี้ยังคงปฏิเสธและขอให้ข้อมูลในชั้นสืบสวนสอบสวน ทางวอชด็อกจึงขอแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยคนนี้ โดยคำให้การของผู้ต้องสงสัยนั้นตั้งข้อสังเกตว่าขัดแย้งกับความเป็นจริง เช่น ยอมรับว่าเอาไปจริง แล้วกระโดดลงรถจักรยานยนต์จนโดนล้อหลังทับตาย ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก หรือหากรถจักรยานยนต์ทับสุนัขก็น่าจะต้องล้ม แต่ไม่ปรากฏว่ารถมีร่องรอยเสียหายและคนขับขี่มีบาดแผล เป็นต้น ขณะที่รอยรูหลุม 4 จุดบริเวณคอนั้นไม่ยืนยันว่าเป็นรอยอะไร แต่มีชาวบ้านได้ยินเสียงดังคล้ายปืน 4 นัด ในช่วงเวลาและบริเวณใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ข้อมูลอีกมาก เช่น คนที่มารับแต่งตัวแบบหนึ่งแต่พอออกไปแล้วแต่งตัวอีกแบบ ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีผู้ร่วมกันมากกว่า 1 คนทำร่วมกันเป็นขบวนการ และเหตุใดต้องพาไปขี่รถเล่นนอกมหาวิทยาลัยในช่วงเวลา 20.30 น.ทั้งที่กำลังจะเคอร์ฟิวในเวลา 22.00 น. ส่วนแรงจูงใจนั้น เบื้องต้นไม่สามารถบอกได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนหลังจากที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ทุกอย่าง เนื่องจากพี่เตี้ยแม้จะมีคนรักจำนวนมาก แต่เวลาเดียวกันอาจจะมีคนที่เกลียดด้วย ทั้งนี้เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าพี่เตี้ยถูกกระทำอย่างไรบ้างและดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อผู้ก่อเหตุได้ โดยจะติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าพี่เตี้ยจะต้องไม่ตายฟรีอย่างแน่นอน