“มึนอ” พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยา “บิลลี่” แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ส่งหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ ขอให้แสดงความเห็นแย้งต่ออัยการ กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีการเสียชีวิตของสามี
รายงานพิเศษ
“ข้าพเจ้านางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ ในฐานะภรรยาและแม่ของลูกนายพอละจี รู้สึกผิดหวังกับคำสั่งของพนักงานอัยการดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้พยายามสืบสวนคดีนี้จนพบชิ้นส่วนกระดูกของนายพอละจี และได้สอบปากคำพยาน รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขอให้ศาลออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับพวกได้ แต่พนักงานอัยการกลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง”
นั่นเป็นข้อความช่วงหนึ่งในเอกสารที่ น.ส.พิณนภา หรือ “มึนอ” ภรรยาของบิลลี่เขียนไว้ในจดหมายที่ส่งถึงอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งส่งไปในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อขอให้ดีเอสไอส่งเรื่องแสดงความเห็นแย้งต่อพนักงานอัยการ หลังมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับพวก ในคดีการเสียชีวิตของบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ในจดหมายของ “มึนอ” ระบุว่า “ข้าพเจ้าทราบว่ากรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเช่นนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจในการพิจารณาทำความเห็นแย้ง ส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดได้ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมต่อครอบครัวของนายพอละจี ข้าพเจ้าใคร่ขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้โปรดทำความเห็นแย้งคดีนี้ส่งไปยังอัยการสูงสุดด้วย”
น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นผู้ทำคดีให้ชาวกะเหรี่ยงในป่าแก่งกระจานมาตลอด 9 ปี ระบุว่า การที่ภรรยาของบิลลี่ส่งจดหมายถึงอธิบดีดีเอสไอ ให้แสดงความเห็นแย้งต่ออัยการ ในฐานะผู้เสียหาย และยังไม่ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเองโดยตรง แม้จะมีสิทธิ์ที่ทำได้ เพราะทางทีมทนายความเห็นว่า พนักงานสอบสวนของดีเอสไอทุ่มเทสรรพกำลังและงบประมาณจำนวนมากไปกับการสืบสวนคดีนี้
เมื่อส่งฟ้องไปแล้ว แต่อัยการไม่สั่งฟ้อง ก็ควรชี้แจงกลับมายังดีเอสไอว่ามีตรงไหนในสำนวนที่ยังไม่หนักแน่น และควรเปิดโอกาสให้ดีเอสไอหาพยานหลักฐานเพิ่มอีกครั้ง แทนที่จะปล่อยให้คดีสิ้นสุดลงไปแบบนี้
พร้อมกันนี้ ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับคำชี้แจงของพนักงานอัยการที่ระบุถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ คือ ผลการตรวจหาดีเอ็นเอ ด้วยวิธีไมโตรคอนเดรียจากชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์ ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนกะโหลกของบิลลี่ แต่อัยการไม่เชื่อถือวิธีการตรวจนี้
จึงเห็นว่า หากไม่มีพยานหลักฐานอื่นในสำนวน เช่น ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหรือผลการตรวจที่แตกต่างออกไป อัยการก็ไม่ควรโต้แย้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ เพราะพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่อัยการหรือคนทั่วไปจะทราบเองได้ ต้องอาศัยพยานผู้เชี่ยวชาญยืนยัน
ก่อนหน้านี้ มึนอ เคยแสดงความเห็นว่า รู้สึกดีใจและขอเป็นกำลังใจให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ที่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ หลังจากที่เป็นผู้รื้อคดีนี้ขึ้นมาและดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง แต่ระหว่างนั้นกลับถูกคำสั่งโยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ก่อนที่ดีเอสไอจะส่งสำนวนฟ้องให้อัยการ