แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และรัฐบาลกำลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ตามความเหมาะสม แต่ประชาชนยังควรต้องปฏิบัติตัวตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความพร้อมให้แก่โรงพยาบาล บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จึงได้ส่งมอบหน้ากากทางการแพทย์รุ่น KN95 ที่สามารถกรองสารคัดหลั่ง และฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวม 100,000 ชิ้น ให้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยจะให้บุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.จุฬาฯ 50,000 ชิ้น ส่วนอีก 50,000 ชิ้น กัลฟ์ และ รพ.จุฬาฯ จะร่วมกันจัดสรรให้ รพ.อื่นๆ ที่ขาดแคลนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้ปฏิบัติงานที่เป็นแนวหน้ารับมือกับโควิด-19
นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากทางกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เห็นว่า ยังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่ยังต้องการและขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ กลุ่มบริษัทจึงมุ่งช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยเหลือหลายภาคส่วน เพื่อร่วมเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับโควิด-19 รวมถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ และจะมุ่งช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม
“เรามีบทเรียนจากหลายประเทศทั่วโลกที่คลายล็อกดาวน์แล้วมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น หลังจากรัฐบาลไทยพิจารณาผ่อนปรนการล็อกดาวน์ ประกอบกับการเข้าสู่ฤดูฝนและโรงเรียนใกล้จะเปิดเทอม ประชาชนยังคงต้องรักษาวินัย ไม่ประมาท เพื่อเป็นการควบคุมโรคในระยะยาวและบุคลากรทางการแพทย์จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ทางกลุ่มบริษัทจึงขอความร่วมมือให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการรักษาสุขภาพและปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดครับ” นายบุญชัย ถิราติ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม
ด้าน ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เน้นย้ำว่า หน้ากาก N95 เปรียบเสมือนอาวุธของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ เพราะนอกจากใช้ป้องกันโรคโควิด-19 แล้วยังสามารถป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ที่ติดต่อกันได้ ดังนั้น แม้ว่าภาพรวมจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่ก็อย่าวางใจ ต้องป้องกันไว้ก่อน ทาง รพ.จุฬาฯ จึงขอขอบคุณกลุ่มบริษัท กัลฟ์ ที่ร่วมบริจาคหน้ากาก เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในครั้งนี้
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ได้สอนให้ทุกคนรู้จักการเตรียมตัวในการรับมือและป้องกันล่วงหน้า ในอนาคตจะกลายเป็นสภาวะใหม่ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างต้องระวังและป้องกันตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เพื่อป้องกันหากมีโรคใหม่ที่ไม่ใช่โควิด-19 เข้ามาในอนาคต หลังจากนี้ ก็จะเป็นยุค New Normal ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ดีให้กับประชาชนทั่วไป หันมาใส่ใจในดูแลสุขอนามัยมากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มบริษัท กัลฟ์ ได้ช่วยเหลือและทำโครงการอย่างรอบด้านรวมกว่า 50 ล้านบาทแล้ว อาทิ บริจาคเงินและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร สถาบันโรคทรวงอก โรงพยาบาลตำรวจ และ โรงพยาบาลพุทธชินราช มอบเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อแก่โรงพยาบาลขนาดเล็กในจังหวัดปัตตานี และ จังหวัดยะลา บริจาคหน้ากากผ้าแก่ชุดปฏิบัติการคัดกรองผู้ป่วยระดับตำบล ในพื้นที่ 10 จังหวัด และ อสม. รวมถึงดำเนินการมอบข้าวกล่อง 150,000 กล่อง ให้กับชุมชนแออัดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกทั้งร่วมกับ กฟผ. มอบถุงยังชีพแก่ชุมชนในพื้นที่ จ.นนทบุรี นอกจากนี้ ยังขยายความช่วยเหลือไปยังช้างไทย สู้ภัยโควิด-19 ผ่านการบริจาคให้แก่โครงการโอบช้าง ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนประเทศไทยในการบรรเทาผลกระทบของโควิด-19 ต่อไป