xs
xsm
sm
md
lg

ใช้หนี้เถอะครับ! อู่แท็กซี่สุดทน “ลุงสิทธิชัย” โชเฟอร์ดังชักดาบหมื่นสี่ ทั้งที่รวยจากโซเชียล 8 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจ้าของอู่แท็กซี่ย่านสมุทรปราการขึ้นโรงพัก ระบุ “ลุงสิทธิชัย” โชเฟอร์แท็กซี่ที่ปล่อยน้ำตาออกสื่อไม่มีจะกิน โลกโซเชียลแห่บริจาคทะลุ 8 ล้าน ยังติดค้างหนี้พร้อมลูกชายรวมกว่า 1.4 หมื่น แฉที่อ้างว่าอยู่คนเดียวไม่จริง มีลูกชายขับแท็กซี่ด้วยกัน และหลานอีกคน ส่วนบ้านก็ไม่ได้เช่า แต่เป็นของเมียเก่าให้ลูกอยู่ พบหลังรวยแล้วหนีทั้งคู่ ติดต่อไม่ได้อีก วอนกลับมาใช้หนี้ที่ค้างอยู่ด้วย

จากกรณีที่ น.ส.จิราพร คำภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “แป๋ว แว๋ว” เปิดเผยชีวิตของนายสิทธิชัย ใกล้ชิด อายุ 72 ปี โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ที่มารับจ้างส่งพัสดุที่ศูนย์กระจายสินค้าเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ถนนเลียบคลองส่งน้ำ (เทพารักษ์ กม.19) ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. โดยระหว่างให้สัมภาษณ์ร้องไห้ออกมา ระบุว่า ตอนนี้ลำบากมาก ไม่มีจะกิน ทั้งตัวมีเงินแค่ 200 บาท เงินค่าเช่ารถวันละ 300 บาท ยังไม่มีให้เถ้าแก่ ทำให้โลกโซเชียลแห่โอนเงินช่วยเหลือนายสิทธิชัย มากถึง 8.3 ล้านบาท ซึ่งนายสิทธิชัยกล่าวว่า เงินจำนวนนี้จะนำไปสร้างบ้าน เพราะปัจจุบันเช่าเขาอยู่ ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองและจะนำเงินไปบริจาคให้โรงพยาบาล บริจาคซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่าให้เจ้าหน้าที่ จ.เชียงใหม่ ช่วยมูลนิธิเพื่อคนขับแท็กซี่ และอาจจะซื้อแท็กซี่มือสองมาขับเพื่อทำมาหากินต่อไป

เล่าทั้งน้ำตา! ลุงขับแท็กซี่เผชิญวิกฤตโควิด-19 หาเงินไม่ได้ ต้องหันทดลองงานส่งพัสดุ

ลุงแท็กซี่วัย 72 โดนผลกระทบโควิด-19 ปิดบัญชีรับเงินบริจาคแล้ว ยอด 8 ล้าน 3 แสนบาท ย้ำจะนำเงินบางส่วนไปช่วย รพ.

ล่าสุด ดูเหมือนว่าเรื่องนี้กลับตาลปัตร เพราะฝ่ายเจ้าของอู่แท็กซี่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมอีกด้านของนายสิทธิชัย ถึงขั้นขึ้นโรงพักกันเลยทีเดียว รายงานข่าวแจ้งว่า นายปรีชา ชุ่มสมบัติ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่แท็กซี่มังกรเจ้าพระยา ชาว ต.แพรกษา อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อเย็นวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า นายสิทธิชัย ใกล้ชิด และ นายศักดิ์ไทย ใกล้ชิด ซึ่งเป็นคนรู้จักกันได้ทำสัญญาเช่ารถยนต์แท็กซี่ของผู้แจ้งจำนวน 3 คัน ไปขับขี่รับจ้าง ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้นายสิทธิชัยค้างค่าเช่าเป็นเงิน 1,400 บาท และนายศักดิ์ไทย ค่างค่าเช่าจำนวน 13,570 บาท ทำให้นายปรีชาได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน

นายปรีชา เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นายสิทธิชัยและลูกชายมาเช่ารถแท็กซี่ของตนขับอยู่ทั้งสองคน โดยคิดค่าเช่าแบบควงกะ วันละ 700 บาท และยังค้ำประกันแท็กซี่ให้นายศักดิ์ไทย ลูกชาย จำนวน 13,570 บาท โดยขับรถอยู่ที่วินรถแท็กซี่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส บางปู ถนนสุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ แต่ที่ผ่านมา มีพฤติกรรมหากติดหนี้แล้วไปทวงก็ไม่ได้ เวลารถเสียก็ไม่รับผิดชอบ อ้างอย่างเดียวว่ารถพัง ทั้งที่รถอยู่กับคนขับต้องช่วยกันดูแลรถ และเป็นคนขี้น้อยใจ สะกิดอะไรก็ไม่ได้ หลังจากที่เป็นข่าวและได้เงินบริจาคกว่า 8 ล้านบาท นายสิทธิชัย กลับหนีไปเช่ารถแท็กซี่ที่อื่น รวมทั้งนายศักดิ์ไทย ลูกชายก็ไม่มาเช่ารถตนขับอีก ทิ้งไว้แต่หนี้สินที่ก่อไว้กว่า 14,000 บาท เมื่อตามไปที่บ้านก็ไม่พบ โทรศัพท์ไปก็ไม่ติด ที่ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ไม่ได้สนใจเรื่องเงินบริจาค แต่ต้องการให้นายสิทธิชัยชดใช้หนี้ที่ติดค้างอยู่เท่านั้น

นอกจากนี้ นายปรีชา ยังออกมาแฉถึงพฤติกรรมลวงโลกของนายสิทธิชัย ว่า ที่อ้างว่าอยู่คนเดียวไม่มีจะกินนั้น แท้จริงแล้วอยู่กับนายศักดิ์ไทย ลูกชาย และหลานอีกคนหนึ่ง ส่วนบ้านที่อาศัยอยู่ ไม่ใช่บ้านเช่าตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นบ้านของอดีตภรรยาที่ให้นายศักดิ์ไทย ลูกชายอาศัยอยู่ โดย นายสิทธิชัย ผู้เป็นพ่อ ก็อาศัยอยู่ด้วยกัน จ่ายแค่ค่าน้ำ ค่าไฟเท่านั้น ในช่วงที่เป็นข่าวว่าได้เงินบริจาคมา 8 ล้านบาทนั้น ตนได้ทวงถามหนี้กับนายศักดิ์ไทย ลูกชาย ก็บอกว่าเขาไม่ลืม แต่ภายหลังก็ไม่ได้มาขับรถอีก ขณะที่คนในวินแท็กซี่ก็รู้นิสัยดีว่านายสิทธิชัยลวงโลก เพราะที่ร้องไห้อ้างว่าอยู่คนเดียวไม่มีจะกินให้คนสงสารนั้นไม่จริง พร้อมฝากบอกไปยังโลกโซเชียลว่าก่อนจะบริจาคอะไรให้ตรวจสอบก่อน เพราะคนที่ลำบากจริงๆ ก็มี แต่ก็มีคนที่พูดใส่ไข่ให้คนสงสารแล้วแห่โอนเงินกันอย่างกรณีนี้ จึงอยากให้พิจารณาให้ดี เพราะเงินทุกวันนี้ก็หายากอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น