หลังพบผู้เสียชีวิตท้องเสียอย่างรุนแรงจากการทานขนมจีบ ที่ซื้อมาจากแม่ค้าหาบเร่ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่เร่ขายมาจากฉะเชิงเทรา ล่าสุด จนท.นำขนมจีบมรณะตรวจสอบแล้วเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงรอผล 3 วัน ด้านผู้ผลิตไม่เชื่อมีคนตาย เพราะขนมจีบของตน ยันว่าขายมา 8 ปี ไม่เคยมีปัญหา
จากกรณีเพจ “บิ๊กเกรียน อินดี้” ตามหาหญิงรายหนึ่งซึ่งแม่ค้าขนมจีบ เร่ขายในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยมีคนซื้อขนมจีบจากแม่ค้ารายนี้ไปรับประทานแล้วเกิดท้องเสียรุนแรง กว่า 10 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นคุณยาย 66 ปี โดยญาติผู้เสียชีวิตได้ นำร่างของคุณยายไปทำพิธีทางศาสนาแล้ว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์นั้น
โดยจากการตรวจสอบพบว่าแม่ค้ารายนี้เป็นหญิงสาววัย 30 ปี ขายขนมจีบใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงทรา และใช้รถจักรยานยนต์เร่ขายขนมจีบจาก ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ไปจนถึง จ.สมุทรปราการ และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. สถานีตำรวจภูธรแสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เชิญตัวแม่ค้าขายขนมจีบเข้าสอบปากคำเพื่อสาเหตุ และแม่ค้าขายขนมจีบได้เผยว่า ในช่วงเช้าแต่ละวันตนเองจะเดินทางไปรับขนมจีบจากผู้ผลิตรายหนึ่งใน ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 15 กล่อง เพื่อนำไปขายบริเวณหน้าวัดเทพราช ที่อยู่ใกล้กับบ้านพัก แต่หากวันใดขนมจีบเหลือก็จะนำไปเร่ขายตามบ้านคนและตามบ่อตกปลาต่างๆ ทั้งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อจังหวัด และจะหมดในช่วงเที่ยง หรือบ่ายของทุกวัน พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเปิดกล่องสัมผัสกับเนื้อขนมจีบ เพราะผู้ผลิตจะแพ็กใส่กล่องเป็นอย่างดี จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อนว่า ขนมจีบที่ตนนำไปขายเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่ เพราะตนเองรับขนมจีบจากผู้ผลิตรายดังกล่าวมาขายนานเป็นปีก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ผู้ผลิตรายนี้ยังส่งขนมจีบไปขายตามโรงงานและร้านค้าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีผู้ที่บริโภคเกิดอาการท้องเสีย หรือเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ดี ต้องขอโทษคนในสังคมและคนที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต เพราะเราเองไม่ได้เป็นผู้ผลิตและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
ล่าสุดนั้น สำนักงานสาธารณสุขฉะเชิงเทรา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตขนมจีบใน อ.เกาะโพธิ์ ซึ่งต้องรอผลในการตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผู้ผลิต ได้รับการยืนยันว่า ตนเองทำขนมจีบขายในพื้นที่มานานกว่า 8 ปี และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ที่สำคัญ ขนมจีบที่ทำในแต่ละวันจะใช้ของใหม่และทำจำนวนไม่มาก เนื่องจากไม่ได้ใส่สารกันบูดและจะขายให้แก่ผู้ที่มารับต่อในช่วงเช้าจนถึงเวลา 09.00 น.เท่านั้น และหากเกินเวลาที่กำหนดจะไม่ขายให้ใครเพราะเกรงว่า ขนมจีบที่ทำจะบูด และเน่าเสียเนื่องจากการไม่ใช้สารกันบูด แต่จะใช้วิธีแจกจ่ายให้คนใกล้ตัวรับประทานแทน จึงไม่เชื่อว่าขนมจีบของตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตได้ และน้ำจิ้มที่ตนทำนั้น ทำวันต่อวัน หม้อเล็กๆ เท่านั้น ยืนยันเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
สำหรับผลการตรวจสอบ “ขนมจีบมรณะ” อีก 3 วันถึงจะทราบผลว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่
โดยจากการตรวจสอบพบว่าแม่ค้ารายนี้เป็นหญิงสาววัย 30 ปี ขายขนมจีบใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงทรา และใช้รถจักรยานยนต์เร่ขายขนมจีบจาก ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ไปจนถึง จ.สมุทรปราการ และเมื่อวันที่ 11 พ.ค. สถานีตำรวจภูธรแสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เชิญตัวแม่ค้าขายขนมจีบเข้าสอบปากคำเพื่อสาเหตุ และแม่ค้าขายขนมจีบได้เผยว่า ในช่วงเช้าแต่ละวันตนเองจะเดินทางไปรับขนมจีบจากผู้ผลิตรายหนึ่งใน ต.เกาะไร่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 15 กล่อง เพื่อนำไปขายบริเวณหน้าวัดเทพราช ที่อยู่ใกล้กับบ้านพัก แต่หากวันใดขนมจีบเหลือก็จะนำไปเร่ขายตามบ้านคนและตามบ่อตกปลาต่างๆ ทั้งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อจังหวัด และจะหมดในช่วงเที่ยง หรือบ่ายของทุกวัน พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเปิดกล่องสัมผัสกับเนื้อขนมจีบ เพราะผู้ผลิตจะแพ็กใส่กล่องเป็นอย่างดี จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อนว่า ขนมจีบที่ตนนำไปขายเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่ เพราะตนเองรับขนมจีบจากผู้ผลิตรายดังกล่าวมาขายนานเป็นปีก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“ผู้ผลิตรายนี้ยังส่งขนมจีบไปขายตามโรงงานและร้านค้าต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีผู้ที่บริโภคเกิดอาการท้องเสีย หรือเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ดี ต้องขอโทษคนในสังคมและคนที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต เพราะเราเองไม่ได้เป็นผู้ผลิตและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
ล่าสุดนั้น สำนักงานสาธารณสุขฉะเชิงเทรา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแหล่งผลิตขนมจีบใน อ.เกาะโพธิ์ ซึ่งต้องรอผลในการตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผู้ผลิต ได้รับการยืนยันว่า ตนเองทำขนมจีบขายในพื้นที่มานานกว่า 8 ปี และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ที่สำคัญ ขนมจีบที่ทำในแต่ละวันจะใช้ของใหม่และทำจำนวนไม่มาก เนื่องจากไม่ได้ใส่สารกันบูดและจะขายให้แก่ผู้ที่มารับต่อในช่วงเช้าจนถึงเวลา 09.00 น.เท่านั้น และหากเกินเวลาที่กำหนดจะไม่ขายให้ใครเพราะเกรงว่า ขนมจีบที่ทำจะบูด และเน่าเสียเนื่องจากการไม่ใช้สารกันบูด แต่จะใช้วิธีแจกจ่ายให้คนใกล้ตัวรับประทานแทน จึงไม่เชื่อว่าขนมจีบของตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตได้ และน้ำจิ้มที่ตนทำนั้น ทำวันต่อวัน หม้อเล็กๆ เท่านั้น ยืนยันเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
สำหรับผลการตรวจสอบ “ขนมจีบมรณะ” อีก 3 วันถึงจะทราบผลว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่