ฉะเชิงเทรา - วอนเห็นใจ! สาววัย 20 ปีพาพ่อร้องสื่อ ถูกสังคมรังเกียจเหตุ ศบค.-ผวจ.เมืองแปดริ้ว แถลงแม่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แต่โรงพยาบาลที่รักษาระบุเหตุเสียชีวิตในใบมรณบัตรเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด เช่นเดียวกับผลตรวจ 4 แล็บยันไม่พบเชื้อ จี้หน่วยงานรัฐเยียวยาทำไร้หนทางทำกิน
วันนี้ (10 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.พรชิตา แพต้อง อายุ 20 ปี และ นายภีรภัทร แพต้อง อายุ 44 ปี บุตรสาวและสามีของ นางสมปอง พุธซ้อน อายุ 43 ปี ชาว อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ที่เสียชีวิตหลังเข้ารักษาอาการท้องเสียจากการบริโภคยำหอยแครงที่ซื้อมาจากตลาดนัดใน อ.สนามชัยเขต ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ กระทั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 และเป็น ผู้เสียชีวิตรายที่ 33 ของประเทศเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2563
และมีการแถลงยืนยันผลซ้ำจากผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ว่าเป็นผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยที่ผลจากการตรวจหาเชื้อออกมาในลักษณะคาบเกี่ยวกันเนื่องจากผู้เสียชีวิตมีประวัติโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง (SLE) โรคความดัน และเนื้องอกในมดลูก และจากการตรวจพิสูจล่าสุดยังพบว่าผู้เสียชีวิตมีอาการของโรคไตเสื่อมมาก่อน
โดยระบุว่า ขณะนี้ตนเองและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกรังเกียจจากสังคมเรื่องการเสียชีวิตจากการเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ตามประกาศของ ศบค. ทั้งที่ในใบมรณบัตรที่ได้รับจากโรงพยาบาล ระบุสาเหตุการเสียชีวิต "ติดเชื้อในกระแสเลือด" และไม่มีการยืนยันผลว่าป่วยด้วยโรคโควิด-19 แต่อย่างใด
“หลังการเสียชีวิตมาประมาณ 10 ชั่วโมงทางโรงพยาบาล จึงได้มาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากกระพุ้งแก้มและโพรงจมูก เพื่อนำไปทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อผลออกมาก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งในขณะที่ผลจากการตรวจไม่ได้ยืนยันแต่กลับมีการแถลงข่าวผ่าน ศบค.ว่า ภรรยาเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตาย และยังมีการแถลงซ้ำจากผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย”นายภีรภัทร ยังเผยอีกว่า แม้กระทั่งในวันฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังได้เข้ามาตัดชิ้นส่วนปอดไปส่งตรวจซ้ำอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจยืนยันจากห้องแล็บทั้ง 4 แห่งระบุว่า ไม่พบอาการของโรคโควิด-19 แต่อย่างใด นอกจากนี้ ผลการตรวจหาเชื้อของบุคคลใกล้ชิดและคนในครอบครัว รวมทั้งญาติพี่น้องตลอดจนพนักงานในโรงงานและเจ้าของกิจการ ที่ตนและภรรยาได้เข้าไปขายอาหาร ก็ล้วนยืนยันผลว่าไม่มีผู้ใดเชื้อ
“วันนี้จึงเกิดคำถามคาใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่า ใช้หลักเกณฑ์ใดในการประกาศยืนยันผลในเมื่อห้องแล็บตรวจไม่พบเชื้อ และยังไม่มีความชัดเจนมาตั้งแต่แรก ซึ่งที่ผานมาได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดถึง 2 ครั้งเพื่อให้ต้องการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว จากการถูกรังเกียจจากสังคมรอบข้าง ที่ในวันนี้ไม่มีใครต้อนรับ ไม่มีใครขายของให้ ”
อีกทั้งพระสงฆ์ในวัดก็ยังถูกรังเกียจจากสังคม หลังจัดพิธีศพของภรรยา จนต้องงดออกบิณฑบาตเป็นเวลานาน 14 วัน
ในวันนี้จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือเยียวยา และให้ความกระจ่างแก่สังคมเรื่องการเสียชีวิตของภรรยาตนเอง เนื่องจากต้องได้รับความเดือดร้อนจากการทำกินเป็นอย่างมาก