“เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์” เผยสภาพต้นไม้บนถนนวิทยุ หลังถูกเจ้าหน้าที่ต้นจนน่าเกลียด เหลือแต่ลำต้น จนโดนชาวเน็ตวิจารณ์สนั่น ด้าน ผอ.เขตปทุมวัน อ้างต้นไม้มีสภาพภายในเป็นโพรงกลวง ไม่สามารถบำรุงรักษาได้ เตรียมปลูกทดแทน นอกจากนี้มีหนุ่มโพสต์ตำหนิวิธีการตัดเป็นวิธีการตัดต้นไม้ที่ระยำที่สุดแล้ว
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. เพจ “เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์” ได้โพสต์รูปภาพของต้นไม่บริเวณริมถนนวิทยุ ข้างสวมลุมพินี ตั้งแต่แยกพระราม 4-แยกสารสิน ที่ถูกเจ้าหน้าที่เขตปทุมวันตัดจนมีสภาพสุดน่าเกลียดเหลือแต่ลำต้น จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตในโลกโซเชียลฯ โดยทางเพจ “เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์” ได้ระบุข้อความว่า
“ตัวอย่างต้นไม้ที่ถูก กทม.ตัดที่ถนนวิทยุ ฉลองครบรอบ 238 ปี แห่งการสถาปนา...สมกับเมือง “กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง..แต่คนบริหารทำลาย” เทพเริ่มสร้างไว้เมื่อ 238 ปีก่อน พัฒนายาวมาเรื่อยๆ แต่หลังๆ มานี่คนบริหารเมืองนี้ กลับเริ่มทำลายมันลงเรื่อยไป เละลงเรื่อยๆ เน่าลงทุกในทุกๆ วัน ในหลายๆ เรื่อง”
ต่อมาผู้อำนวยการเขตปทุมวัน นางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับสาเหตุที่ต้องตัดต้นไม้ให้อยู่ในสภาพดังกล่าวว่า “ต้นไม้ที่ปลูกอยู่บนถนนวิทยุนั้น ส่วนใหญ่เป็นต้นหางนกยูง และต้นประดู่ แต่ละต้นมีอายุประมาณ 25-30 ปีแล้ว ก่อนที่สำนักงานเขตฯ จะลงมือตัดต้นไม้ ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ หรือรุกขกร เข้าตรวจเช็กสภาพต้นไม้ทุกต้นจึงพบว่าบางต้นมีสภาพภายในเป็นโพรงกลวง เนื่องจากถูกมอดกิน บางต้นก็หมดอายุขัยไปแล้วไม่สามารถบำรุงรักษาได้อีกต่อไปได้ จึงต้องตัดยอดออกและเตรียมขุดทิ้งเพื่อปลูกต้นไม้ชนิดใหม่ ส่วนต้นไม้บริเวณเกาะกลางถนนมียอดกุดด้วย เพราะจำเป็นต้องตัดให้ถึงตาต้นไม้ ให้เลยจุดที่ถูกมอดกินเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการป้องกันการโค่นล้มลงมาทับรถยนต์ประชาชนได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ทางเขตมีแนวทางปลูกต้นไม้ทดแทน คือ ต้นประดู่ และต้นพิกุล เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้น ช่วยให้ร่มเงา รวมถึงดูแลรักษาง่าย โดยจะลงมือปลูกในอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้พอดีกับช่วงฤดูฝนช่วยให้ต้นไม้เติบโตต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Ponthep Meunpong” ได้ออกมาระบุข้อความตำหนิวิธีการตัดต้นไม้ของเจ้าหน้าที่ว่า “วิธีการตัดกุดเป็นการตัดลำต้น หรือกิ่งออกครึ่งๆ กลางๆ ตัดจนไม่เหลือกิ่งเหลือใบ ตัดจนส่วนที่เหลืออยู่หมดสภาพการเป็นลำต้น หรือเป็นกิ่ง ตัดแบบเสียหมาไปเลย ส่วนยอดของกิ่งควรโตเป็นกิ่งที่ยาวขึ้น ส่วนยอดของต้นควรโตเป็นต้นที่สูงขึ้น นั่นคือสิ่งที่มันควรจะเกิดขึ้นหลังการตัด คนตัดต้นไม้พวกนี้ชอบบอกว่า “ตัดแบบนี้เดี๊ยวมันก็แตกๆๆๆๆ” แตกพ่องงง!! ที่แตกน่าจะหัวพวกมึงมากกว่า”
การตัดหัวกุดมักตัดเพื่อลดความสูงของต้นไม้ พวกต้นไม้ที่ขึ้นในแนวสายไฟฟ้าใต้ทางด่วน การตัดแบบนี้จะสร้างความเครียดให้ต้นไม้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการสูญเสียปริมาณใบจำนวนมาก บางครั้งตัดจนไม่เหลือใบก็มี ใบเป็นส่วนที่สังเคราะห์แสง และผลิตอาหารให้ต้นไม้ ลองคิดสภาพคุณโดนมัดปากอุดจมูก จะอยู่ได้กี่นาที heading cut ยังเป็นสาเหตุให้เกิดการแตกกิ่งออกจากตาข้างที่งันอยู่ใต้เปลือก (epicormic bud) เกิดกิ่งเปลือก (water sprout) บริเวณลำต้น หรือกิ่งใต้ตำแหน่งที่ตัดทันที กิ่งพวกนี้โตเร็วมากเนื่องจากต้นไม้มันไม่อยากตาย กิ่งที่เกิดขึ้นจำนวนมากเหล่านั้นจะเชื่อมต่อกับลำต้นในเปลือก หรือเนื้อไม้ชั้นนอก ซึ่งมันจะไม่มีความแข็งแรงใดๆ ทั้งสิ้น และมันก็พร้อมจะฉีกร่วงมาโดนกบาลใครสักคนก็ได้ตลอดเวลา การตัดแบบนี้ถ้าต้นไม้ไม่ได้มีการสะสมพลังงานไว้อย่างเพียงพอที่จะสามารถสร้างกิ่ง สร้างใบใหม่ได้ มันก็จะตายแบบที่เราเห็นยืนหัวโด่เป็นอนุสาวรีย์ชัย ตามร่องกลางถนนนั่นแหละ อีกอย่างคือถึงมันไม่ตาย แต่ไอ้แผลที่ตัดแบบนี้มันจะปิดไม่ได้ สุดท้ายมันก็จะผุ แลัวก็หักอีกอยู่ดี
สรุป : heading เป็นวิธีตัดต้นไม้ที่ระยำที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะตัดกับต้นไม้โตเร็ว โตช้า เมืองร้อน เมืองหนาว จะฝรั่ง จะไทย ถ้ามึงตัดต้นไม้แบบนี้ก็เฮงซวยพอกัน และถ้ายังอยากจะตัดแบบนี้ แนะนำตัดทิ้งไปเลยดีกว่า จบๆ กันไปไม่ต้องมาตามแก้ปัญหาในอนาคตกันอีก