ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดลงเหลือ 19 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ถอดบทเรียนสิงคโปร์ ผู้ติดเชื้อระบาดจากแรงงานต่างด้าว ใช้วิธีล็อกดาวน์หอพัก กรองคนที่หายดีให้ไปอยู่บนเรือ ส่วนไทยใช้วิธีสแกนพื้นที่ รักษาความสะอาด พร้อมตั้งทีมสาธารณสุขต่างด้าวช่วยสื่อสาร
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน ระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 19 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,811 ราย ใน 68 จังหวัด หายป่วยแล้ว 2,108 ราย รักษาอยู่ 655 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสมรวม 48 ราย ชายไทย อายุ 50 ปี ขับรถแท็กซี่ มีโรคเบาหวานระยะที่ 2 และสูบบุหรี่ มีประวัติรับ-ส่งผู้โดยสารที่สนามมวยลุมพินี
ตัวเลขที่ลดลง เป็นผลจาก 14 วันที่แล้วที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หลังประกาศเคอร์ฟิวก็ร่วมมือกันด้วยดี ผู้ป่วยลดลงทำให้เตียงของโรงพยาบาลว่าง โรคอื่นๆ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลลดลง เป็นเรื่องที่ดีที่หันมาดูแลสุขภาพ ในบรรดาผู้ป่วยใหม่ 19 ราย มีผู้ป่วยเพิ่มจากสถานกักกัน 1 ราย เดินทางจากสหรัฐอเมริกา การค้นหาเชิงรุกที่ จ.ยะลา มีผู้ป่วยเพิ่ม 2 ราย และผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด 2 ราย
ผู้ป่วย 10 จังหวัดแรก กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ ยะลา ปัตตานี ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ และปทุมธานี ส่วนสตูลพบว่าพบอัตราป่วยไม่รวม State Quarantine เป็น 0 ราย เพราะไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนเลย ส่วนจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยที่ผ่านมา มี 11 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 14 วันที่ผ่านมา มี 36 จังหวัด เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ กรุงเทพฯ-นนทบุรีลดลง ส่วนต่างจังหวัดทรงตัว
จำนวนผู้ป่วยตามปัจจัยเสี่ยงรายสัปดาห์ พบกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้ ลดลงจาก 129 ราย เป็น 44 ราย เช่นเดียวกับทำงานในพื้นที่เสี่ยงและแออัด ส่วนกลุ่มใหม่เป็นกลุ่มที่มาจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด ผู้ป่วยยืนยันจำแนกปัจจัยเสี่ยง พบกลุ่มที่เดินทางจากต่างประเทศ 71 ราย อาชีพเสี่ยง 39 ราย ไปสถานที่ชุมชน 24 ราย กองระบาดวิทยาวิเคราะห์ 20 อาชีพที่เสี่ยง พบว่าอาชีพรับจ้างทั่วไป หรือฟรีแลนซ์ มีมากกว่า 300 ราย รองลงมาค้าขาย พนักงานโรงงาน พนักงานในสถานบันเทิง และนักเรียน-นักศึกษา กลุ่มก้อนที่พบมากที่สุด อายุ 20-39 ปี
สถานการณ์โลก ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,481,287 ราย รักษาตัว 56,766 ราย รักษาหายแล้ว 646,260 ราย เสียชีวิต 170,436 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นอันดับหนึ่ง มีผู้ป่วยรายใหม่ 2,8 หมื่นคน เสียชีวิต 1.9 พันคนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทยอันดับที่ 55 ประเทศเอเชีย ญี่ปุ่นมี 338 รายที่เพิ่มขึ้น สิงคโปร์ 1,426 รายในรอบ 24 ชั่วโมง
บทเรียนจากสิงคโปร์ พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้าไปทำงานในสิงคโปร์ มีมากกว่า 323,000 คน ลักษณะความเป็นอยู่ในหอพัก 43 แห่ง หอพักใหญ่มีคนนับพันคน แออัดในแต่ละห้อง 12-20 คน แรงงานต่างด้าวรายแรกคือ ชาวบังคลาเทศ เมื่อ 8 ก.พ. ก่อนติดเชื้อในหอพัก 31 มี.ค. จำนวน 4 คน ก่อนเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในเวลาอย่างรวดเร็ว Super Spreader เร็วมาก การจัดการคือ ล็อกดาวน์หอพักเกือบทุกที่ ตั้ง Inter Agency Task Force ใช้วิธี Circuit Breaker ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างหอพัก และการจัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน แรงงานต่างด้าวได้รับค่าจ้างในการกักตัว และจัดทีมดูแล มีคลินีคและสถานพยาบาลดูแล ให้แรงงานที่หายดีแล้วไปพักอยู่ในเรือ 2 ลำ กว่า 2,000 คน
ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย และหน่วยงานท้องถิ่นจะสแกนพื้นที่ทั้งหมด และรักษาความสะอาด เน้นย้ำระยะห่างทางสังคม ส่งเสริมพนักงานสาธารณสุขต่างด้าว และอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวให้ความรู้ ดูแลซึ่งกันและกันในหลายจังหวัด บทเรียนจากสิงคโปร์นำไปสู่มาตรการป้องกันและควบคุม
รายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน พบความผิดออกนอกเคหสถานเพิ่มขึ้น 33 ราย ชุมนุมมั่วสุมลดลง 21 คดี ขอความร่วมมืออย่าดื่มสุรา เล่นการพนัน ยาเสพติด และออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร พบเชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร มากที่สุดในแต่ละพื้นที่ แนะเตือนกันตั้งแต่ในบ้าน
ส่วนมาตรการนำคนไทยกลับประเทศ มีไต้หวัน 120 คน ญี่ปุ่นมี 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินแรก 80 คน และ 20 คน ทุกคนต้องอยู่ใน State Quarantine ส่วนการจัดสรรหน้ากากอนามัย ส่งไปยังกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนหน้ากากอนามัย N95 ส่งไปแล้ว 138,940 ชิ้น ชุด PPE ส่งไปแล้ว 39,719 ชิ้น
การจัดสถานที่โดยโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ทำห้องความดันลบตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก รองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ใช้อาคารเก่าปรับปรุง นำวอร์ดผู้ป่วยที่เรียงกันมาปรับปรุงใหม่ ฝีมือคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับบริษัท ซัยโจ-เดนกิ ใช้เวลาคิดค้น 3 สัปดาห์ เพื่อประหยัดทรัพยากร
ในช่วงการคำถาม เมื่อถามว่า การจราจรพื้นที่กรุงเทพฯ เริ่มติดขัดตามปกติแสดงว่าไม่ได้ WFH แล้ว ต้องขอความร่วมมืออีกหรือไม่ ชี้แจงว่ายังอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอความร่วมมือลดการเดินทาง ที่ตัวเลขลดลงเพราะคนไทยร่วมมือกัน แต่เข้าใจว่าตอนนี้ทุกคนเบาใจ แต่ยังวางใจว่าจะไม่ติดนั้นไม่ได้ ต้องขอความร่วมมือภาคเอกชน ถ้า WFH ได้ รัฐยืนยันว่าเป็นเช่นนี้อยู่
กระบวนการ State Quarantine หลังจากนั้นมีโอกาสเป็นพาหะหรือไม่ ชี้แจงว่า ผู้ที่ผ่านกระบวนการร่างกายปกติ ถึงได้ให้อยู่ในสถานที่เฉพาะ โอกาสติดเชื้อน้อยมากเพราะสกรีนหลายครั้ง ไปอยู่ที่บ้านใช้ชีวิตปกติแต่ต้องใช้หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ไม่สังสรรค์กับเพื่อนและไม่ไปในสถานที่ชุมชน พบปะผู้คน ซึ่งจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งประเทศ
การดูแลกลุ่มคนในชุมชนแออัดที่เข้าถึงการรักษาได้ยาก ดูแลอย่างไรบ้าง ชี้แจงว่า บทเรียนจากสิงคโปร์ กรมควบคุมโรคและคณะกรรมการหารือและจัด Active Case Finding ออกค้นหาผู้ป่วย ในกรุงเทพฯ และภูเก็ตลงไปแล้ว และจะทำมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเจาะจงไปยังกลุ่มเสี่ยง หากสงสัยว่าชุมชนแออัดไหนสงสัยว่ามีผู้ป่วย หรือให้ดูแลด้านสุขลักษณะ โทร.มาที่ 1422 กรมควบคุมโรค หรือ 1111 สายด่วนทำเนียบรัฐบาล
สถานการณ์การติดเชื้อระลอกใหม่ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มีแนวทางป้องกันอย่างไร ชี้แจงว่า ผอ.ศบค. (นายกรัฐมนตรี) ชี้แจงในที่ประชุมว่า การควบคุมทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะเรียนรู้ว่าจะผ่อนปรนหรือยกเลิกอย่างไรก็ดูจากประเทศเพื่อนบ้าน มีประเทศอื่นๆ ที่เรียนรู้ อย่างประเทศอังกฤษ ยังไม่มีท่าทีผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ต่างจากสหรัฐฯ ที่เผชิญแรงกดดันจากผู้ประท้วง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น อิหร่านมีมาตรการค่อยๆ ผ่อนปรนให้ธุรกิจความเสี่ยงต่ำทำกิจการได้ แต่คนขับแท็กซี่ต้องมีแผ่นฟิล์มปิดกั้นผู้โดยสารและฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง สเปนขยายการปิดเมืองไปอีก 15 วัน มีผลถึง 9 พ.ค. นิวซีแลนด์ก็ล็อกดาวน์ต่อไปอีก 1 สัปดาห์
การหารือของ EOC พูดคุยว่ามีมาตรการที่พูดตรงกัน คือ ไม่ยกเลิกแต่ให้ผ่อนปรน มองในภาพใหญ่ว่าเป็นการป้องกันและควบคุม มี พ.ร.ก.ครอบคลุมทั้งประเทศ ประกอบกับต้องมีจุดจัดการหรือจุดปฏิบัติต่างๆ ในระดับจังหวัด และให้ความร่วมมือ ส่วนจะเกิดขึ้นจังหวัดไหนขึ้นอยู่กับสถิติ ศบค. และรัฐบาลจะตัดสินโดยใช้สถิติทางวิชาการ และภาคธุรกิจ
