หน้ากากอนามัยยังแพงและขาดตลาด เหตุช่วงปั่นราคาวัตถุดิบพุ่ง ทำต้นทุนสูงถึงชิ้นละ 5-6 บาท แหล่งข่าวคาดกลาง มี.ค.นี้ โรงงานมีสินค้าปล่อยขาย ราคาลดลงมาบ้างแต่ก็ยังสูงอยู่
... รายงานพิเศษ
ราคาหน้ากากอนามัยในตลาดมืด หยุดอยู่ที่ประมาณ 14-15 บาท มาซักระยะหนึ่งแล้ว เพราะปั่นราคาต่อไม่ได้แล้ว เมื่อรัฐบาลประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม และประกาศว่าต้องขายให้รัฐในราคาชิ้นละไม่เกิน 2 บาท สำหรับหน้ากากอนามัยสีเขียว
แต่จนถึงวันนี้ สาเหตุที่หน้ากากอนามัย ยังเป็นของหายาก และยังมีราคาขายปลีกสูงกว่าชิ้นละ 10 บาท (ถ้าหาซื้อได้) ก็เพราะในช่วงที่สินค้าถูกกักตุนเพื่อปั่นราคา ทำให้ราคาวัตถุดิบที่นำมาผลิตหน้ากากอนามัยชนิดนี้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ทำให้ในวันนี้ (3 มีนาคม 2563) มีต้นทุนการผลิตหน้ากากอนามัยพุ่งไปสูงถึงชิ้นละ 5-6 บาทแล้ว จึงขายได้ในราคา 8-10 บาทต่อชิ้น
นั่นหมายความว่า ถึงจะมีของ แต่ก็ส่งไปขายหน้าร้านขายยาหรือตามร้านสะดวกซื้อไม่ได้ เพราะมีราคาสูงกว่าที่ถูกควบคุมไว้
ดังนั้น การประกาศให้ตัวแทนผู้มีอำนาจจำหน่ายต้องขายให้รัฐในราคาไม่เกิน 2 บาท จึงทำไม่ได้ในตอนนี้
และเมื่อราคาถูกปั่นขึ้นไปสูงมาก ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงตามไปด้วย ก็ต้องรออีกซักระยะ ราคาจึงจะลดลงมาตามต้นทุน
จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ 2-3 วันที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข เริ่มเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัย
จากที่เคยรณรงค์ให้ใส่หน้ากาก มาบอกว่า หน้ากากอนามัยแบบที่แพทย์ใช้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วย ผู้ที่มีอาการต้องสงสัย และบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอาการป่วย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือสามารถใช้หน้ากากผ้าที่ซักได้แทน เพื่อให้หน้ากากอนามัยสีเขียว ถูกเก็บสำรองไว้ใช้ในโรงพยาบาล
มีข้อมูลว่า โรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัย 11 แห่งในประเทศไทยขณะนี้ กำลังผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับหน่วยงานของรัฐ คือ กรมการค้าภายในก่อน
และต้องขายขาดทุนในราคาชิ้นละ 2 บาท โดยต้องไปเจรจาให้แหล่งวัตถุดิบช่วยลดราคาต้นทุนลงบ้าง
โดยการขายให้กรมการค้าภายใน เป็นไปตามเป้าหมาย 2 ข้อ คือ ข้อแรก รัฐต้องมีของสำหรับจัดสรรไปให้โรงพยาบาล
และข้อที่สอง เพื่อเตรียมหน้ากากอนามัยไว้ให้มีจำนวนเพียงพอ หากว่าต้องประกาศเข้าสู่การระบาดของโควิด 19 ในระยะที่ 3
ดังนั้นแม้ว่าในช่วงเวลานี้อาจจะเห็นว่า หน้ากากอนามัยมีไม่เพียงพอ แต่แท้จริงแล้ว หน้ากากที่ผลิตขึ้นมา มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในเป้าหมาย 2 ข้อข้างต้น
จนกระทั่งหากมีจำนวนมากพอจนเหลือ จึงจะนำออกมาขาย
แหล่งข่าวในวงการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ คาดว่า ช่วงภายในสัปดาห์นี้ หน้ากากอนามัยที่รัฐต้องการจะมีจำนวนที่มากพอแล้ว
และประมาณกลางเดือนมีนาคม โรงงานก็จะมีสินค้ามาพอที่จะปล่อยออกมาขายในร้านทั่วไปตามปกติและจะมีราคาลดลงมาบ้าง
แต่จะยังมีราคาสูงอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตยังไม่ลดลงมากนัก