ย้อนรอยชีวิต "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด บนเส้นทางทนายความในนาม "ทีมงานทนายประชาชน" เป็นข่าวดังหลายคดี ก่อนถูกจับกุมข้อหาเบิกความเท็จคดียาเสพติด "เอมี่ แม่มา"
... รายงานพิเศษ
แฟนคลับพากันช็อก เมื่อตำรวจสืบสวนนครบาล 3 พร้อมด้วย สน.มีนบุรี เข้าจับกุม นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ข้อหาร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ร่วมสืบพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา
สืบเนื่องมาจากคดี "เอมี่ อาเมเรีย จาคอป" ถูกจับกุมพร้อมแฟนหนุ่มในข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรียกฟ้องเอมี่ไปก่อนหน้านี้ กล่าวหาว่าใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติดมาตรา 100/2 อันเป็นเท็จ
ทำเอาเจ้าตัวถึงกับกล่าวว่า "กลั่นแกล้งกันขนาดนี้เลย" เพราะก่อนหน้านี้เคยออกมาเคลื่อนไหวการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลด้วยระบบไบโอแมทริกซ์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
คดีนี้หลังพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรีสอบปากคำแล้ว ได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยวงเงิน 150,000 บาท เจ้าตัวกล่าวว่า เรื่องคดีไม่มีอะไรต้องกังวลใจ คดีเอมี่จบไปนานแล้ว แต่มีการรื้อขึ้นมาตอนหลัง
ส่วนจะเกี่ยวโยงกับเรื่องไบโอเมตริกซ์หรือไม่ เขากล่าวสั้นๆ ว่า "คิดกันเอาเอง"
ย้อนเส้นทางชีวิตนายษิทรา เขาเป็นชาวอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย จบมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
คว้าปริญญาตรี 2 ใบ รัฐศาสตรบัณฑิต และนิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เดิมเรียนคณะรัฐศาสตร์เพราะอยากเป็นตำรวจ แต่รุ่นพี่ห้ามไว้เพราะไม่สุขสบาย แนะให้ไปสอบอัยการหรือผู้พิพากษา ก่อนชวนไปเรียนนิติศาสตร์จนจบ ต่อด้วยเนติบัณฑิตไทย
การศึกษาสูงสุด ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต รุ่นที่ 19 มหาวิทยาลัยเกริก
ประกอบอาชีพทนายความตั้งแต่ปี 2547 ระหว่างนั้นทำโครงการทนายพบประชาชน ตั้งโต๊ะให้คำปรึกษาช่วยเหลือทางกฎหมาย ตามชุมชนและงานบุญต่างๆ
ก่อนร่วมกับทีมงาน 40-50 คน ใช้ชื่อ "ทีมงานทนายประชาชน" จัดกิจกรรม "พี่สอนน้องให้เป็นคนดีของสังคม" ไปตามโรงเรียนต่างๆ เน้นสอนเรื่องใกล้ตัว รักในวัยเรียน การใช้โซเชียลมีเดีย เตือนภัยยาเสพติด และปัญหาเด็กแว้น
เริ่มต้นจากโรงเรียนในสมุทรสาครบ้านเกิด ก่อนที่จะขยายไปยังหลายจังหวัด พร้อมเปิดรับสมัครสมาชิกทนายประชาชน โดยมีผู้คนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนับหมื่นคน
กระทั่งก่อตั้ง "มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม" ในปี 2559
"ทนายตั้ม" เคยให้ความช่วยเหลือทางคดีแก่บุคคลยากไร้ เช่น เมื่อปี 2556 ช่วยเหลือ "น้องภัทร" น.ส.ภัทราภรณ์ ทาทอง วัย 22 ปี สาวโรงงานที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ถูกรถสิบล้อชนแล้วหนีจนต้องตัดแขน ตัดขา กลายเป็นคนพิการ
นายษิทราร่วมกับตำรวจหาเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ และประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการต่างๆ จนน้องภัทรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ปี 2557 "ทนายตั้ม" ช่วยเหลือพ่อแม่ "น้องจีโน่" นายณขจร กิจฤกษ์ไทย วัย 18 ปี ถูกนายนายพชร เทียนชูศักดิ์ และ น.ส.จันทราลักษณ์ มั่นสิน คู่รักวัยรุ่นใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาก่อนหลบหนี กระทั่งน้องจีโน่ถึงแก่ความตาย
นายษิทราและทีมงานทนายประชาชน ให้ความช่วยเหลือทางคดีตามที่พ่อแม่น้องจีโน่ขอความช่วยเหลือ กระทั่งศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแก่คู่รักวัยรุ่นทั้ง 2 คน
ปี 2559 นายษิทรา ช่วยเหลือสองสามีภรรยาชาวจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่าถูกตำรวจ สภ.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร 8 นาย บุกค้นตัวที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนยัดยาเสพติด ชิงสร้อยคอทองคำและเงินสด
คดีนี้ศาลจังหวัดสมุทรสาครยกฟ้องสามี แต่จำคุกภรรยาเป็นเวลา 4 ปี แต่ต่อมาหลังเป็นข่าว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ กระทั่งยกฟ้องสามีเป็นครั้งที่สอง
ส่วนตำรวจ สภ.บางโทรัด ทั้ง 8 นาย ที่ถูกสามีภรรยาฟ้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
โดยพบว่าตำรวจทั้ง 8 นาย ขอความช่วยเหลือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และได้ออกมาเคลื่อนไหว ระบุว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ตกเป็นจำเลยสังคม
กระทั่งปี 2560 "ทนายตั้ม" ให้ความช่วยเหลือ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ข้าราชการบำนาญ ถูกนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครู ยื่นฟ้องข้อหายักยอกทรัพย์ ในคดีอ้างสิทธิเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลค่า 30 ล้านบาท
คดีนี้ศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2562 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐาน รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าสลากรางวัลที่ 1 เป็นของนายปรีชา
ภายหลัง ร.ต.ท.จรูญ ฟ้องนายปรีชา และนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความ ในข้อหาร่วมกันเอาความเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาล รวมทั้งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
คดีที่เป็นชนวนเหตุที่ทำให้นายษิทราถูกจับกุมล่าสุด มาจากคดีที่ "เอมี่-อาเมเรีย จาคอป" อดีตนักแสดงสาว ถูกจับกุมพร้อมนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ แฟนหนุ่มในคดีเสพและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย เมื่อปี 2560
กระทั่งวันที่ 28 ส.ค. 2561 ศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษายกฟ้องเอมี่ข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แต่รอลงอาญาข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนแฟนหนุ่มลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี 4 เดือน 15 วัน
เป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้นายอัจฉริยะจากที่เคยเคลื่อนไหวด้วยกัน แตกหักกับนายษิทรา และร้องเรียนกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำไปสู่การออกหมายจับทนายตั้มในที่สุด