xs
xsm
sm
md
lg

คุกตลอดชีวิต! เวรเปล รพ.ราชวิถี แทง รปภ.กรณีห้ามจอดรถที่ห้ามจอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิต “หนุ่มอดีตเวรเปล รพ.ราชวิภี” จ้วงแทง รปภ.โรงพยาบาลเสียชีวิต ศาลชี้ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ

วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อ.2768/2560 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภัทรพงศ์ หรือภัทรพงษ์ หรือต้อย เครือนาค อายุ 31 ปี อดีตพนักงานเวรเปลโรงพยาบาลราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371

ตามฟ้องโจทก์ วันที่ 1 ก.ย. 2560 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2560 เวลากลางวัน จำเลยได้พาอาวุธมีดปลายแหลม ความยาวรวมด้ามประมาณ 51 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม ติดตัวไปยังบริเวณถนนโยธี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โดยไม่มีเหตุสมควร โดยจำเลยซึ่งมีเจตนาฆ่าได้ใช้อาวุธมีดฟันบริเวณคอด้านซ้ายและมือของนายสัญชาย วันงาม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงพยาบาลราชวิถี จนหลอดเลือดแดงและดำบริเวณคอข้างซ้ายฉีกขาด กระดูกกล่องเสียงแตก และมีแผลฉีกขาดขอบเรียบบริเวณหลังมือซ้ายและบริเวณฝ่ามือซ้าย จนเป็นเหตุให้นายสัญชายเสียเลือดมากจากหลอดเลือดแดงบริเวณลำคอฉีกขาดและถึงความตายในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2562 ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371 ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ให้จำคุกตลอดชีวิต, ฐานพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ ปรับ 1,000 บาท

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อสู้ว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า โดยมีดสะบัดไปโดนผู้ตาย เป็นการป้องกันตัวจากผู้ตายนำท่อนเหล็กมาตี และหากศาลพิจารณาว่ามีความผิดขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบา

ซึ่งวันนี้ศาลเบิกตัวนายภัทรพงศ์ อดีตพนักงานเวรเปล จำเลยมาจากเรือนจำคลองเปรม ที่ถูกคุมขังตั้งแต่ดำเนินคดี โดยไม่มีทนายความ หรือญาติ เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ด้วย

ขณะที่ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามาน้ำหนักให้รับฟังได้มั่นคงว่า เหตุที่เกิดจากความไม่พอใจที่ผู้ตายบอกจำเลยไม่ให้จอดรถในที่ห้ามจอด ส่วนที่จำเลยอ้างว่าช่วงเกิดเหตุมีดสะบัดไปโดนผู้ตายอันเป็นการป้องกันตัวที่ผู้ตายใช้ท่อนเหล็กตีกลับจำเลยจากป้องยามนั้นขัดกับคราบโลหิตที่พบในที่เกิดเหตุ และภายในป้อมยาม

ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าได้เข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพเรื่องอาวุธ รวมทั้งนำเสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุมอบให้พนักงานสอบสวนนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยเพียงแต่นำกางเกงยีนส์ที่ใส่มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนอาวุธมีดทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำการตรวจดีเอ็นเอแล้วจึงได้ติดตามรวบรวมหลักฐานมา ขณะที่จำเลยก็ขอให้การในชั้นศาล โดยในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธซึ่งไม่ได้มีข้อมูลที่เป็นการให้ความรู้ต่อศาล กรณีของจำเลยจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ และปรับ 1,000 บาท ฐานพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ผู้พิพากษาถามถึงอาการของบิดาจำเลยที่เคยกระโดดจากอาคารศาลอาญา ชั้น 8 กระแทกต้นไม้ ก่อนตกลงพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัสแขน-ขาหักในวันฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อปี 2562 หลังจากเกิดความเครียดที่บุตรชายต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต โดยนายภัทรพงศ์ จำเลย กล่าวต่อศาลว่า บิดาอาการดีขึ้น สามารถเดินได้ปกติแล้ว ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้จำเลยทราบด้วยว่ายังสามารถยื่นฎีกาได้ตามขั้นตอนอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น