เพจออกมาให้ความรู้ ว่าการที่สื่อเผยว่าไวรัสโคโรนาแพร่กระจายทางอากาศและการสัมผัสไม่ถูกต้อง ไม่ควรใช้เพราะทำให้เกิดความตระหนก แท้จริงไวรัสโคโรนาแพร่กระจายผ่านละอองเสมหะ ซึ่งผู้รับเชื้อต้องอยู่ใกล้ผู้ไอ จามระยะน้อยกว่า 90 ซม.
วันนี้ (29 ม.ค.) เพจ "Rational Drug Use" ซึ่งคือเพจที่ให้ความรู้แก่ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ด้านยาและสุขภาพ โดยได้แชร์เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ ก่อโรคปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เริ่มจากช่วงปลายปี ค.ศ. 2019 จนถึงปัจจุบันนั้น ซึ่งในช่วงแรกคาดว่า เป็นการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน เมื่อมีข่าวการระบาดนี้ ทั่วโลกก็เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะมีประสบการณ์มาจากโรคทางเดินหายใจร้ายแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนา ได้แก่ โรคซาร์ที่ระบาดในช่วงปี ค.ศ. 2002-2003 ซึ่งมีสาเหตุจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ SARS-CoV ที่เป็นไวรัสโคโรนาข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านชะมดมาติดเชื้อในคน โดยเริ่มระบาดจากประเทศจีนและกระจายไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000คน อัตราการตายร้อยละ 10 และเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ในผู้สูงอายุนั้น
โดย ทางเพจได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีข่าวทางสื่อใส่หัวข้อข่าวว่า "จีนเผยไวรัสแพร่กระจายทางอากาศและการสัมผัส" การใช้คำว่าแพร่กระจายทางอากาศเป็นคำที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรใช้เพราะทำให้เกิดความตระหนก ซึ่งแท้จริงไวรัสโคโรนาแพร่กระจายผ่านละอองเสมหะ (droplets) ไม่ใช่ airborne หรือทางอากาศ โดยผู้รับเชื้อต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ไอ จาม ในระยะน้อยกว่า 90 เซนติเมตร และถ้าเป็นการกระจายทางอากาศอยู่ไกล 1.8 เมตร ก็ยังติดได้ เช่นกรณีโรคหัด ซึ่งมีค่า R0 12-18 (หมายความว่าคนเป็น 1 คนกระจายเชื้อให้คนได้ 12-18 คน) ก็เพราะเป็น airborne แต่ไวรัสโคโรนาเป็น droplets ค่า R0 น่าจะอยู่ระหว่าง 1.5-3.5 ส่วนการสัมผัสก็ต้องสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่ง เช่นน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เข้าทางเยื่อเมือก (mucous membrane) ได้แก่เยื่อบุดวงตา เยื่อบุจมูก เยื่อบุช่องปาก ไม่ใช่การจับมือกันแล้วเชื้อจะเข้าทางมือ"