"อมรินทร์ทีวี" อ้างเสนอข่าวสองด้าน เจ้าหนี้เดือดร้อนจริง ทวงเงิน "พ่อน้องไทตัล" หมื่นแปด ทั้งที่เพิ่งสูญเสียลูก เจ้าตัวมั่นหน้ามั่นใจบอก "หากไม่เป็นข่าวอาจไม่ได้เงินคืน" ย้อนถ้าเป็นเงินคุณจะกล้ายกหนี้ไหม เผยสัญญากู้ยืมเงินอัปยศ ยินดีให้ประจานทางเพจ-กลุ่มต่างๆ โดยไม่ต้องเอาผิดใดๆ
จากกรณีที่นายอนุชา วงศ์อยู่ พ่อของ ด.ช.ภานุวิทธญ์ วงศ์อยู่ หรือน้องไทตัล อายุ 2 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกคนร้ายกราดยิงเพื่อชิงทรัพย์ทองคำน้ำหนักรวม 28 บาท จากร้านทองออโรร่า ภายในศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ลพบุรี ออกมาตำหนิกรณีที่รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี นำเสนอข่าวทวงถามหนี้จากนายอนุชา ระบุว่า ได้โอนเงินคืนให้เจ้าหนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าสื่อตั้งใจเสนอข่าวอีกเพื่ออะไร เหมือนนำข้อมูลเรื่องหนี้สินของตนไปประจานต่อสาธารณะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดโกง จึงอยากตั้งคำถามว่าผิดจริยธรรมสื่อหรือไม่ อีกทั้งครอบครัวยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้าที่สูญเสียลูกชาย เข้าใจว่าสื่อต้องทำหน้าที่ และเป็นสิทธิของเจ้าหนี้จะทวงถาม แต่ควรมีขอบเขตของการทำงานหรือไม่ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : “พ่อน้องไทตัล” เหยื่อโจรชิงทอง ทวงถามจริยธรรมสื่อ หลัง “อมรินทร์ทีวี” ทวงหนี้ออกอากาศ
นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้ดำเนินรายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ชี้แจงเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อยู่ๆ ทางผู้สื่อข่าวหรือฝ่ายข่าวจะหยิบยกเรื่องนี้เพียงเพราะมีคนแจ้งมา แต่ต้องหาข้อมูลอย่างรอบด้าน ก่อนหน้านี้ทางสถานีได้แสดงความเสียใจและเห็นใจต่อการจากไปของน้องไทตัล ทางทีมข่าวตัดสินใจมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวน้องไทตัล ตั้งแต่ทราบว่าไม่มีเงินฌาปนกิจ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่เชิญพ่อแม่มาออกอากาศ เพราะเข้าใจว่าอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ
ส่วนเรื่องหนี้สินพ่อน้องไทตัล ก่อนหน้านี้เจ้าหนี้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ หลังจากนั้นทางเจ้าหนี้ร้องไปยังแอดมินเพจต่างๆ ด้วย ยืนยันว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เรื่องนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ฝ่ายเจ้าหนี้มีการให้พ่อน้องไทตัลซื้อสินค้าเป็นเงิน 18,600 บาท หลังจากนั้นไม่สามารถติดตามและได้เงินคืนเลย เจ้าหนี้จึงส่งเรื่องราวเผยแพร่เป็นสาธารณะ เมื่อทางสถานีตรวจสอบข้อเท็จจริง ในที่สุดจึงได้เจอเจ้าหนี้ ยืนยันว่าเดือดร้อนมาก เพราะก่อนหน้านี้ให้ทนายความส่งเอกสารการติดตามทวงหนี้ไปทางครอบครัวน้องไทตัล ลงวันที่ 2 พ.ค. 2562 จนถึงปัจจุบันก่อนที่จะเป็นข่าวก็ยังเพิกเฉยต่อการใช้หนี้
"ทางฝั่งเจ้าหนี้ยืนยันว่าเขาเดือดร้อนจริงๆ จึงต้องพึ่งพาสื่อและเพจต่างๆ ในการแก้ปัญหาเขา" นายพุทธอภิวรรณ กล่าว
นายพุทธอภิวรรณ กล่าวถึงกรณีที่นายอนุชาถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่หยิบเรื่องนี้มานำเสนอ ยืนยันว่า เมื่อมีคนเดือดร้อนเราจำเป็นที่จะต้องนำเสนอ และเรานำเสนอสองด้านด้วย ทั้งครอบครัวน้องไทตัลและฝั่งเจ้าหนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หลังออกอากาศเสร็จ พ่อน้องไทตัลโอนเงินชดใช้ให้กับเจ้าหนี้ ระบุว่า "โอนให้เรียบร้อยแล้วนะครับ ขอโทษนะครับที่ค้างมานานเพราะตอนนั้นผมไม่มีจริงๆ ครับ" ซึ่งทางฝั่งเจ้าหนี้ก็เปิดใจว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาเดือดร้อน หลังจากที่ติดตามมาแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2562 จนรู้สึกว่าไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เนื่องจากตนค้าขาย เงินตัวเองก็สูญเสียไปเป็นจำนวนมากสำหรับเขา ฝ่ายเจ้าหนี้ยืนยันว่าก็เสียใจที่น้องไทตัลเสียชีวิต และมีการนำพวงหรีดไปแสดงความเสียใจด้วย แต่ภาพพวงหรีดที่ส่งไปในวันนั้นก็ยังไม่ได้รับการคืนเงิน แต่เข้าใจได้ว่าครอบครัวกำลังเสียใจ ส่วนเหตุผลที่เจ้าหนี้ต้องมีการติดตามผ่านสื่อและเพจต่างๆ เนื่องจากยอมรับว่ากลัวว่าจะไม่ได้เงินในการชดใช้สินค้าที่ลงทุนไป เพราะระยะเวลาเนิ่นนานมากแล้ว หลังจากออกอากาศจึงได้รับเงินคืน ที่ผ่านมาได้จัดจ้างทนายในการติดตามทวงหนี้ แต่ก็เงียบหายไป จนในที่สุดต้องประสานตามที่ต่างๆ
"ดิฉันสามารถพูดได้ว่า หากไม่เป็นข่าว อาจจะไม่ได้เงินคืน มันมีเปอร์เซ็นต์สูง ดิฉันอยากให้สังคมมองอีกมุม เงินส่วนนี้ก็เป็นเงินของดิฉัน ดิฉันมีภาระ ของที่นำมาขายก็ต้องสำรองเงินเพื่อซื้อของมา แต่อยู่ๆ มีคนมาเอาของเราไปโดยไม่ชำระเงิน หลายคนมองว่า ทำไมดิฉันหน้าเลือด ทำไมไม่ยกหนี้ให้กับเขาไป ดิฉันอยากให้คิด มองอีกมุม หากเป็นเงินของพวกคุณ คุณจะยกหนี้ให้เขาหรือไม่ ยอมรับว่าตัวดิฉันเดือดร้อน หากคนมีจิตสำนึกที่จะคืน ก็คงไม่ต้องรอให้ออกมาทวง ทุกคนต่างมีภาระ" เจ้าหนี้พ่อน้องไทตัล ระบุ
นอกจากนี้ ทางสถานียังได้เผยแพร่บางส่วนของสัญญากู้ยืมเงิน ระบุว่า หากข้าพเจ้า ... (ชื่อลูกหนี้) ทำผิดสัญญาไม่ทำตามข้อตกลง ยินดีให้ ... (ชื่อเจ้าหนี้) ยึดทรัพย์ที่มีมูลค่าตามจำนวนที่ค้างชำระคืนและยินดีจ่ายค่าเสียหายเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ... (ชื่อเจ้าหนี้) ในการติดตามทวงหนี้ และดำเนินคดีตามกฎหมาย และอนุญาตให้ทำการประจานตามเพจ ตามกลุ่มต่างๆ โดยที่ข้าพเจ้าไม่เอาผิดใดๆ ทุกกรณีในการทวงถาม และติดตามหนี้ทั้งสิ้น ข้อความข้างต้น ข้าพเจ้า ... (ชื่อลูกหนี้) มีสติสัมปชัญญะทุกประการเขียนด้วยลายลักษณ์อักษรของข้าพเจ้าเองทุกตัวอักษร
"การนำเสนอของเรานั้น เราไม่ได้คิดที่จะประจานใครทั้งสิ้น แต่เมื่อมีความเดือดร้อนเกิดขึ้น เราก็จะต้องให้ความช่วยเหลือทั้งสองฝ่าย การนำเสนอของอมรินทร์ทีวีเรานำเสนอทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนถึงวันนี้ ที่สำคัญก็คือว่า ความเสียใจเราเข้าใจ และอมรินทร์ทีวีก็เป็นสื่อหนึ่งที่มอบเงินช่วยเหลือด้วยหลักมนุษยธรรม โดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทนกลับมาเลย" นายพุทธอภิวรรณ กล่าว
ชมคลิปต้นฉบับ คลิกที่นี่