อาร์เอสฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 5,250 ล้านบาท โดยเฉพาะแบรนด์ อาร์ เอส มอลล์ หวังโกยเงินได้ 3,200 ล้าน โวปี 2022 ฟันรายได้หมื่นล้าน ส่วนกลุ่มทีวีดิจิทัลยังแข่งดุ แต่มั่นใจคอนเทนต์ แจงไม่เพิ่มงบละคร 600 ล้านต่อปี แต่เรตติ้งต้องดีขึ้น เน้นดาราขายสปอนเซอร์ จับมือพันธมิตรกลุ่มทีวีดิจิทัล รวมทั้ง THAIFIGHT ไม่ทิ้งธุรกิจเพลง เสิร์ฟคอนเสิร์ตยุค 90 อีก 5-6 คอนเสิร์ต
เปิดโผแพลนธุรกิจกันตั้งแต่ต้นปี สำหรับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) ซึ่งครั้งนี้นำทัพโดยบอสใหญ่อย่าง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) พร้อมกับอีกสองผู้บริหารคนเก่งอย่าง "นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ และ "ดร.ชาคริต พิชญางกูร" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด จัดงานแถลงข่าว ถอดรหัส RS Entertainmerce พูดคุยแนวโน้มและทิศทางการดำเนินธุรกิจ กลุ่มอาร์เอส ปี 2020 ณ ห้องบอลรูม ชั้นบี1 โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ "เฮียฮ้อ" เผยว่าปีนี้จะเน้นหนักไปที่ธุรกิจ อาร์เอส มอลล์ เป็นหลัก
"สำหรับธุรกิจอาร์เอส มอลล์ เป็นแพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าและบริการในหลากหลายกลุ่มครับ ทั้งกลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ, กลุ่มความสวย ความงาม, กลุ่มอาหาร อาหารเสริม, กลุ่มของใช้ในบ้าน และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล ทั้งยังสะดวกสบายด้วยบริการจัดส่งถึงบ้าน อีกทั้งยังมีคอลเซ็นเตอร์ให้บริการตลอด 24 ชม. และตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เอาไว้ 3,200 ล้านบาท"
"ในส่วนของช่อง 8 ที่ปรับอย่างชัดเจนไปแล้ว และเชื่อว่าน่าจะโตได้อีก ถึงแม้กลุ่มธุรกิจทีวีดิจิทัลจะยังคงมีการแข่งขันกันดุเดือดอย่างต่อเนื่องนะครับ และยิ่งถ้ามีการปรับเรื่อง 5G เข้ามา จะต้องยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีก แต่ตอนนี้ทางบริษัทก็ได้มีการเพิ่มพันธมิตรเข้ามา อย่างรายการมวยชื่อดัง THAIFIGHT ของคุณมด (นพพร วาทิน) พร้อมทั้งยังมีรายการอื่นๆ ที่จะป้อนเข้าช่องอีก และเรายังมีพันธมิตรอื่นๆ ทั้งช่องไทยรัฐทีวี อมรินทร์ทีวี และเวิร์คพ้อยท์ รวมไปถึงสื่อโซเชียลอีกหลายช่องทาง"
"ก็ในส่วนของการทำละครที่เราวางงบไว้ 600 ล้านต่อปีมาตั้งแต่ต้น เรามีนโยบายอยู่แล้วว่าไม่เพิ่มงบ แต่เรตติ้งต้องมากขึ้น ซึ่งการผลิตละครแต่ละเรื่องทำเพื่อออกมาขายแก่สปอนเซอร์ก่อนเป็นหลักครับ เราจะไม่ทำละครแล้วค่อยเอาไปขาย และเราจะดูว่าดาราคนนั้นๆ มีสินค้าอะไรอยู่บ้าง และขายให้ตรงจุด ซึ่งก็ทำให้รายได้ดีขึ้นมาก เรียกว่าเกือบจะคัฟเวอร์การผลิตได้ทั้งหมด รวมถึงการไทน์อินสินค้า รวมถึงพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่เข้ามาเสริมด้วย"
พร้อมเผยถึงธุรกิจสายเพลง ที่ตั้งเป้าไว้ 500 ล้านในปีนี้
"ในส่วนของธุรกิจงานเพลงทั้งหมดก็จะยังไม่ทิ้งครับ ปีนี้จะได้เห็นในส่วนของงานเพลงใหม่ๆ กันแน่นอน และที่แน่ๆ จะมีคอนเสิร์ตยุค 90' ให้ได้ชมกันประมาณ 5-6 คอนเสิร์ต ซึ่งที่จะได้เห็นกันเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็คือคอนเสิร์ตของดีทูบี และคอนเสิร์ตอื่นๆ ที่จะตามมาก็เชื่อว่าบัตรน่าจะ sold out ได้ทั้งหมดครับ คาดว่ารายได้ของกลุ่มงานเพลงอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท"
"ซึ่งปีนี้ถ้าเป้ารายได้รวมเราก็คือ 5,250 ล้านบาท คิดรวมจากธุรกิจทั้งหมดนะครับ และในปี 2022 เราคาดว่ารายได้เราจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยที่เราก็ต้องพัฒนาทั้งคอนเทนต์ รวมถึงธุรกิจต่างๆ ของเราต่อไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจทั้งของไทยเองและของโลกอาจจะยังไม่ดีนัก แต่เราเชื่อว่าไม่มีผล เพราะเราวางแผนการตลาด วางแผนงานเอาไว้ค่อนข้างรัดกุมครับ"