xs
xsm
sm
md
lg

วิเคราะห์ "มือปืนเลือดเย็น" ชิงทองโรบินสันลพบุรี แอคเซสสอรีแพง แค่มาปล้นจริงหรือ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิเคราะห์มือกราดยิงชิงทรัพย์ร้านทอง โรบินสันลพบุรี เสียชีวิต 3 ศพอย่างเลือดเย็น พบใช้อุปกรณ์หายาก สวมใส่แอคเซสสอรีราคาแพง กังขาแค่มาปล้นทองจริงหรือ?

... รายงานพิเศษ

เหตุอุกอาจชิงทรัพย์ร้านทอง ที่ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ลพบุรี ต.กกโก อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี เมื่อค่ำวันที่ 9 ม.ค. 2563 สร้างความสะเทือนใจไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จากการที่มือปล้นทำตัวเป็น "มือปืนเลือดเย็น" ทั้งจ่อยิงและยิงสุ่มแบบไม่เลือกหน้ากับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รวมทั้งเด็กชายวัย 2 ขวบ ถูกยิงที่ศีรษะ

เกิดคำถามขึ้นมากมายว่า การก่อเหตุแบบอุกอาจครั้งนี้ คนร้ายมีเป้าหมายเพื่อการปล้นทองเท่านั้นจริงหรือ เพราะคนร้ายได้ทองไปเพียง 28 บาท แต่กลับยิงใส่ผู้บริสุทธิ์นับสิบคน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องกระทำการรุนแรงถึงขนาดนี้

หากลำดับเหตุการณ์ ถือว่ามีความสำคัญต่อการสืบสวนเช่นกัน

เริ่มจาก คนร้ายเดินเข้ามาในห้าง ใช้ปืนยิงใส่ รปภ.ที่หันหลังให้ร้านทองอยู่ ก่อนที่อีกประมาณ 1-2 วินาที จะเดินมาถึงกลุ่มครอบครัวที่ยืนเลือกซื้อทองอยู่ที่หน้าร้าน ซึ่งมีอาการสะดุ้งหนึ่งครั้ง ก่อนที่คนร้ายจะมาถึง จึงคาดได้ว่าเป็นเสียงจากการยิงใส่ รปภ. จากนั้นคนร้ายจึงยิงใส่ผู้ชายและผู้หญิงที่หน้าร้าน แล้วจึงปีนขึ้นไปบนตู้โชว์ยิงใส่พนักงาน ก่อนจะไปหยิบทองในตู้ฝั่งซ้าย

เมื่อได้ทอง คนร้ายยิงเปิดทางเพื่อหลบหนีอีก จังหวะนี้เป็นจังหวะที่กระสุนไปถูกศีรษะเด็กชายอายุ 2 ขวบล้มลงไป ... ก่อนไปยิง รปภ.อีกคนหนึ่งที่พยายามปิดประตู จนไปเสียชีวิตในร้านเคเอฟซี


ที่อธิบายมาทั้งหมด เพราะลำดับเหตุการณ์นี้สำคัญ คือ

1. กลุ่มคน 3 คน หน้าร้านทอง สะดุ้ง 1 ครั้ง แต่เป็นอาการสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะถูกยิง ก่อนนั้นไม่มีความสงสัยอะไร

2. ก่อนที่เด็กจะล้มลงไป ทั้งแม่และเด็กยังเดินเฉยๆ คนรอบข้างก็เฉยๆ ไม่มีอาการตกใจอะไร ทั้งที่เกิดเหตุปล้นและยิงไปก่อนแล้ว โดยอาการตกใจของคนรอบข้างเกิดขึ้นภายหลังจากที่เด็กล้มลงไปแล้ว

สองข้อนี้ ทำให้ในความคิดของผู้ที่ใช้อาวุธปืนเป็นประจำเชื่อว่า ปืนที่คนร้ายใช้อาจจะเก็บเสียงได้จริง

“แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่”

เพราะถึงแม้จะมีอาการสะดุ้ง แต่ก็เกิดกับคนที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น

เขาบอกว่า แม้ปืนจะติดตั้งอุปกรณ์เก็บเสียง แต่ก็ยังมีเสียงอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในอาคาร แต่ถ้าไม่เก็บเสียงเลย คนในบริเวณนั้นทั้งหมด น่าจะหมอบลงหรือเกิดความโกลาหลขึ้นตั้งแต่ยิงใส่ รปภ.นัดแรกแล้ว

อุปกรณ์เก็บเสียงติดอาวุธปืน เรียกว่า "ไซเลนเซอร์" (Silencer) ไว้ด้วย


ผู้ที่ใช้อาวุธปืนให้ข้อมูลว่า ไซเลนเซอร์มีราคาหลักหมื่นบาท ไม่ใช่อุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป เพราะเป็นยุทธภัณฑ์ที่ถูกควบคุม การมีไว้ในครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย และการจะหามาได้ ต้องสั่งเป็นพิเศษหรือต้อง “หิ้ว” มาเท่านั้น ดังนั้นการเข้าถึงอุปกรณ์ไซเลนเซอร์ได้ ย่อมไม่ธรรมดา จึงน่าสนใจว่า เป็นอุปกรณ์เก็บเสียงปืนของแท้หรือไม่

ถ้าเป็นของแท้ ก็จะทำให้ตีวงแคบลงไปได้อีก

แต่ก็มีอีกข้อมูลหนึ่ง คือไซเลนเซอร์ที่คนร้ายรายนี้ใช้ มีโอกาสสูงที่จะเป็นอุปกรณ์ดัดแปลงแบบ “ไทยประดิษฐ์” ได้เช่นกัน และหากเป็นอุปกรณ์ดัดแปลง

เมื่อไปบวกกับข้อมูลว่าใช้กับปืนยี่ห้อไหน รุ่นใด จะสามารถตีวงลงไปได้ถึงจุดที่เรียกว่า “แคบมากๆ” เพราะมีการทำกันอยู่ในวงแคบ

มาดูที่ปืน จากข้อมูลที่มีในภาพของคนร้าย ผู้ที่ใช้อาวุธปืนเป็นประจำ มองว่าเป็นปืนเอชเคจริงหรือไม่ เพราะมีปืนอีกหลายยี่ห้อที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่นปืน CZ-75 หรือ CZsp01 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอย่างหลัง คือ CZsp01 มากกว่า โดยดูจากขนาดของปืน

ปืนชนิดนี้ เคยเป็นปืนในโครงการสวัสดิการเมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน ขายในราคาประมาณ 50,000 บาท แต่ถ้าไปหาซื้อที่ร้านปืนจะมีราคาประมาณ 85,000 บาท

ผู้ที่ใช้อาวุธปืน มองจากท่าทางการใช้ปืนเห็นว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนที่เล่นปืน ใช้ปืนเป็น ในลักษณะที่เขานิยามว่า “เป็นมวย” อาจเป็นคนที่มีกำลังทรัพย์พอสมควร

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคนร้ายรายนี้ โหดเหี้ยม เพราะจ่อยิงผู้บริสุทธิ์แบบไม่สะทกสะท้าน ยังเตรียมการวางแผนเป็นอย่างดีก่อนมาก่อเหตุ

แต่ไม่ถึงขั้นเป็นมือปืนมืออาชีพ เพราะกระสุนหลายนัดที่ออกไป น่าจะไปถูกสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมาย

สิ่งที่เขายังแปลกใจต่อพฤติการณ์การปล้น เพราะหากมีเจตนามาเพื่อปล้นทอง ส่วนใหญ่คนร้ายเหล่านั้นจะไม่ใช้ปืนเก็บเสียง เพราะเสียงปืนจะช่วยข่มขวัญคนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ดีกว่า

และถ้าเป็นมืออาชีพในการปล้นหรือเคยฝึกยุทธวิธีมา ส่วนใหญ่จะใช้ปืนธรรมดา เพราะจะทำให้ตามตัวยากกว่าการใช้ปืนที่มีราคาแพงเช่นนี้


เครื่องแต่งกายของคนร้าย เป็นอีกจุดที่ผู้ใช้อาวุธปืนสนใจที่จะนำมาวิเคราะห์ เพราะคนร้ายใส่กางกางลายพรางก็จริง แต่ดูแล้วไม่ใช่กางเกงที่ใช้ทางยุทธวิธี หรือที่เรียกกันว่าแทคติคัล (Tactical)

แต่เขามองว่าเป็น "กางเกงแฟชั่น" แบบขาจั๊มพ์ และยังสังเกตว่า “รองเท้า” ของคนร้ายก็เป็นรองเท้าแฟชั่นเช่นกัน

ส่วนกระเป๋าสีแดง มีโอกาสที่จะเป็นกระเป๋าแบรนด์ดัง ดังนั้นทั้งกางเกง รองเท้า และกระเป๋า น่าจะมีราคาสูงเช่นกันด้วย

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ “ผู้ที่ใช้อาวุธปืน” ยังสงสัยในประเด็นใหญ่ คือ คนร้าย “ร้อนเงิน” จริงหรือ?

มีเจตนามาปล้นทอง ยิงคนมากมายเพื่อนำทองไปแค่ 28 บาท หรือมีจุดประสงค์อื่น?
กำลังโหลดความคิดเห็น