"รัชชพล"ชี้ภาษีที่ดินฯใหม่หลักการดี แต่ปฏิบัติจริงกลับสร้างความวุ่นวายให้ประชาชน แจงคนที่ปล่อยเช่าห้องจะโดนภาษี 2 ต่อ อาจแบกรับไม่ไหวต้องแห่ขายทิ้ง ซ้ำเติมภาวะโอเวอร์ซัพพลาย คาดทำอสังหาฯซบเซายาว
วันที่ 23 ธ.ค. 63 นายรัชชพล เหล่าวานิช ผู้ดำเนินรายการอิสระด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "วุ่นทั้งประเทศ!! พรบ.ภาษีที่ดินฯใหม่"
โดย นายรัชชพล กล่าวช่วงหนึ่งว่า พ.ร.บ.ภาษีที่ดินใหม่ โดยโครงสร้างฟังดูดี หลักการดี แต่พอนำมาปฏิบัติกลับสร้างปัญหา ทั้งที่ประชาชนเอาภาษีไปให้ หน่วยงานของรัฐควรมีหน้าที่บริการ แต่นี่กลับมาให้เป็นภาระประชาชน
สิ่งที่ประหลาดแทนที่จะลงห้องที่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นที่อยู่อาศัย แต่กลับไปลงเป็นอื่น ๆ คือคิดว่าในเมื่อไม่ได้อยู่ มีกี่หลังกี่ห้องแสดงว่าใช้ทำประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งก็ต้องไปแจ้งแก้ไขภายใน 15 วันหลังจากได้ใบ ภ.ด.ส.4 หากไม่แจ้งภายใน 15 วันเท่ากับยอมรับ แล้วภาษีระหว่างล้านละ 200 (0.02%) กับล้านละ 3,000 (0.3%) มันต่างกันมาก
นายรัชชพล กล่าวด้วยว่า ความโกลาหลตอนนี้ คนก็จะเอาชื่อไปลงบ้านหลังที่แพงสุด ส่วนหลังสองขึ้นไปก็ไปแก้เป็นที่อยู้อาศัย พวกตึกแถว อาคาพาณิชย์ อันนี้สาหัสกว่า หากมี 3-4 ชั้น เขาจะให้เรามาวัดเองว่าแต่ละชั้นมีกี่ตารางเมตร แล้วแยกการใช้ประโยชน์ในแต่ละชั้นเลย เช่น ชั้นหนึ่งใช้ในเชิงพาณิชย์ ชั้นสองอยู่อาศัย เขาก็จะเอาราคาประเมินคูณขนาดต่อชั้น แล้วยังไม่ชัดเจนว่าที่จอดรถจะตีให้เป็นที่อยู่อาศัยหรืออื่น ๆ คนก็ยังงง
ปรากฎการณ์ประเทศไทย จะเป็นการปฏิวัติโครงสร้างที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เห็นมา จะมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายสำมะโนประชากรครั้งใหญ่ ด้วยกฎหมายฉบับนี้ เพราะต้องวางแผนเสียภาษีให้น้อยที่สุด
นายรัชชพล กล่าวอีกว่า คนชั้นกลางส่วนหนึ่งมีห้องปล่อยเช่า ที่ผ่านมาไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน ไม่เสียภาษีเงินได้บุคลธรรมดาด้วย เพราะไม่ได้แจ้ง พอกฎหมายนี้มาเท่ากับต้องเสียภาษี 2 ต่อ เพราะพอเสียภาษีที่ดิน สรรพากรก็รู้ว่ามีรายได้จากการปล่อยเช่า ก็โดนอีกต่อ ก็จะส่งผลให้ราคาค่าเช่าขึ้น คนมาเช่าก็เดือดร้อน วงการอสังหาฯจะเปลี่ยนไป เมื่อเจ้าของอสังหาฯรายได้น้อยลงเพราะเสียภาษี จนถึงจุดที่ไม่ไหวก็ขาย อสังหาฯก็จะซบเซาต่อไป
ส่วนที่รกร้างว่างเปล่า ก็เลือกปลูกมะนาวปลูกกล้วย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ว่าที่เกษตรต้องมีการปลูกพืชหนาแน่นเท่าไหร่ ถึงจะตีความเป็นพื้นที่เกษตร เพื่อให้ได้ยกเว้นภาษี 3 ปีแรกไปก่อน เราก็จะมีสวนลอยเต็มไปหมด แต่แล้วก็ไปอยู่ที่การตีความของแต่ละเขต
โฉมหน้าประเทศกำลังเปลี่ยน เกิดสวนลอย มีการโยกย้ายสสำมะโนประชากร และส่งผลถึงการเมืองในอนาคตด้วย เพราะฐานเสียงจะเปลี่ยน ค่าเช่าขึ้น รายย่อยแบกภาระไม่ไหว ในสภาพที่โอเวอร์ซัพพลาย คนพยายามขายทิ้งก็ยิ่งโอเวอร์ซัพพลายเข้าไปใหญ่ ผู้มีรายได้ปานกลางลงมาต่ำ ก็เช่าไม่ไหว
นายรัชชพล ยังกล่าวอีกว่า หลายคนค่อนแคะ สุดท้ายคนเดือดร้อนคือคนชั้นกลาง แทนที่จะกำหนดหลังแรก 50 ล้าน กำหนดไปเลยมีกี่หลังก็ได้แต่มูลค่ารวมเท่าไหร่ถึงไม่เสีย