สาวโพสต์เป็นอุทาหรณ์ เตือนผู้ที่ชื่นชอบเที่ยวดอย ปีนเขา ระวังตัวโรค “สครับไทฟัส” จากตัวไร หากโดนกัดแล้วไม่รักษาอย่างถูกวิธีอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Apsonsiri Psg” ได้โพสต์เรื่องราวเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเดินเข้า ขึ้นดอย ให้ระมัดระวังโรค “สครับไทฟัส” ที่เกิดจากตัว “ไรป่า” โดยผู้โพสต์ข้อความเล่าว่า ตนเองได้ไปเที่ยวขึ้นดอยและเมื่อกลับมาถึง กทม. พบว่ามีแผลสีน้ำตาลนี้คล้ายๆ โดนบุหรี่จี้ ต่อมาแผลเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแดงๆ และรู้สึกหนาวสั่น หนาวแบบเข้ากระดูกทั้งๆ ที่ไม่ได้เปิดแอร์หรือพัดลม ไข้ขึ้นสูง ตัวร้อน ก็ลุกมากินยา พอกินยาฤทธิ์ยาออกก็ดีขึ้น พอยาหมดฤทธิ์ ก็กลับมาเป็นอีก เป็นแบบนี้อยู่ 2 วัน เลยตัดสินใจมาหาหมอ หมอให้แอดมิท เพราะบอกไข้สูง มีโอกาสช็อกได้ ก็ได้นอนโรงพยาบาลไป 3 วัน หมอบอกว่าเราติดเชื้อแบคทีเรีย พอให้น้ำเกลือให้ยาฆ่าเชื้อ อาการดีขึ้นหมอให้กลับไปกินยาต่อที่บ้าน
แต่อาการยังกลับมาเช่นเดิน เมื่อกลับมาตรวจใหม่และขอเปลี่ยนหมอ จึงได้ทราบว่าตนเองเป็น “สครับไทฟัส” โรคที่ติดต่อจากตัวไรป่า" พอโดนกัดเข้าไปจะใช้เวลาเพราะเชื้อประมาณ 4-7 วัน แล้วจะทำให้มีไข้ขึ้นสูง, ปวดหัว, หนาวสั่น, คลื่นไส้, อาเจียน บางรายอาจจะแพ้หนักถึงขึ้นหัวใจวายตายได้ แล้วแต่ภูมิต้านทาน ตอนแรกคิดว่าว่าเรื่องเล็กๆ แต่ไปหาข้อมูลในเน็ตคือมันสามารถทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าเป็นในเด็กจะยิ่งอันตรายมากกว่าผู้ใหญ่มาก เราต้องให้ยาฆ่าเชื้อชนิดรุนแรง ทั้งให้ทางน้ำเกลือและยากิน และ...ผลข้างเคียงของมันคือมีอาการคลื่นไส้จะอ้วกตลอดเวลา กินอะไรไม่ได้อ้วกออกหมด คือทรมานมาก”
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลฯ แล้วเกือบ 3,000 ครั้ง พร้อมทั้งฝากถึงผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนเขา หรือท่องเที่ยวบนดอย ให้ระวัง “ตัวไร” ที่ชอบอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ ไร่พริก หรือพุ่มไม้เตี้ยให้ดี เมื่อคนเดินผ่านตัวไร จะกระโดดเกาะ เมื่อถูกกัดจะเกิดเป็นรอยคล้ายบุหรี่จี้ ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรคนี้ การวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจเลือดพิสูจน์
หากปล่อยปละละเลย ไม่รักษาอย่างถูกวิธีอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ถ่ายอุจจาระดำ ปอดอักเสบ สมองอักเสบ หัวใจวาย ปอดวาย ไตวาย โลหิตเป็นพิษ เป็นต้น