ใครผิดใครถูก? พบชายขับรถกระบะเจอด่าน เอามือถือถ่ายคลิป ตำรวจเปรียบเทียบปรับข้อหาใช้มือถือขณะขับรถ เจ้าตัวอ้างแค่ถ่ายคลิปจับไม่ได้ ร้องขอใบขับขี่คืน ตำรวจปฏิเสธ ถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ไปพบกับพนักงานสอบสวน โวยควบคุมตัวราวกับข้อหาร้ายแรง โพสต์คลิปโวยทำเกินกว่าเหตุ บังคับสอบปากคำ 3 ทุ่มถึงให้ประกันตัว
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. เฟซบุ๊ก “บุญเติม วัดภู่” ได้โพสต์วิดีโอคลิปความยาวประมาณ 2 นาทีเศษ ขณะที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งตั้งด่านตรวจอยู่ที่ปากซอยวัดลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เรียกให้ลงจากรถ ระบุว่า จับกุมผมไม่ได้ เพราะผมถ่ายคลิปด้วยโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ก่อนที่จะไปหาตำรวจเพื่อขอใบขับขี่คืน ตำรวจปฏิเสธ และกล่าวว่า แจ้งข้อหาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ถ้าไม่ยอมรับใบสั่งก็ต้องควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวน ที่ สภ.บางบัวทอง
ชายคนดังกล่าวร้องขอบันทึกการจับกุม แต่ตำรวจบอกว่า บันทึกการจับกุมต้องไปทำที่สถานีตำรวจ ไม่ได้ทำข้างถนน ก่อนสั่งให้ลูกน้องควบคุมตัว ชายคนดังกล่าว กล่าวว่า จับกุมตนราวกับข้อหาร้ายแรง และถามว่าฝ่าฝืนตรงไหน ผมยังไม่ได้ฝ่าฝืนอะไรเลย ตำรวจกล่าวว่า ไม่ยอมรับใบสั่งที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกให้ ก่อนที่จะให้เข้าไปในรถ ซึ่งเจ้าของคลิปโพสต์ข้อความว่า “ผมรับทราบความผิด และขอใบสั่งเพื่อนำกลับไปชำระค่าปรับภายหลัง แต่ตำรวจกระทำรุนแรง จับผมมาโรงพัก ตั้งแต่ 10 โมงเช้า บังคับสอบปากคำ จัดฉากผมใช้สิทธิ์โดยที่ไม่เต็มใจ ถึง 3 ทุ่มถึงยอมให้ประกันตัวโดยไม่มีโอกาสได้พบญาติ”
ด้านสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. เวลา 13.20 น. ร.ต.อ.ภาณุศักดิ์ คำแผง รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง กับพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายบุญเติม วัดภู่ โดยกล่าวหาว่า ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่รถ, ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เหตุเกิดที่ปากทางเข้าวัดลาดปลาดุก ถนน บางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พฤติการณ์คือ เวลาประมาณ 10.30 น. ได้ตั้งจุดตรวจ จุดกวดขันวินัยจราจร โดยมี พ.ต.ท.เกษม ศรีจันทร์อินทร์ สารวัตรป้องกันและปราบปราม ในฐานะหัวหน้างานจราจร เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ ร.ต.อ.ภาณุศักดิ์ เป็นผู้ช่วยผู้ควบคุม
ขณะตั้งจุดตรวจได้มีรถยนต์กระบะซึ่งมีผู้ขับขี่เป็นชายขับเข้ามาใกล้จุดตรวจ โดยผู้ขับขี่ได้ลดกระจกลงและยื่นมือข้างขวาพร้อมโทรศัพท์มือถือออกมานอกรถ ในลักษณะที่จะถ่ายภาพ หรือ ถ่ายคลิปวิดีโออย่างใดอย่างหนึ่ง ในขณะที่รถคันดังกล่าวยังเคลื่อนที่ใช้ความเร็วอยู่ โดยสังเกตว่าสายตาของผู้ขับขี่นั้นได้เพียงมองอยู่ที่โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และใช้มือข้างซ้ายบังคับพวงมาลัยรถเพียงข้างเดียว เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่รถคันอื่น จึงเรียกให้ผู้ขับขี่หยุดรถและลงจากรถยนต์ และแจ้งว่าได้กระทำความผิดฐานใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่รถ ซึ่งเป็นเป็นความผิดซึ่งหน้า และขอให้แสดงใบอนุญาตขับขี่
ผู้ขับขี่ก็ได้ยื่นมาให้ แต่ไม่ประสงค์ที่จะรับใบสั่ง จึงแจ้งว่าถูกจับกุมแล้ว จะต้องนำตัวส่งพนักงานสอบสวนที่ สภ.บางบัวทอง โดยได้ขอให้คืนใบขับขี่ให้ ซึ่งในเบื้องต้น ยินยอมที่จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน แต่เมื่อได้เดินมาถึงรถยนต์ของตนเองซึ่งจอดอยู่ เกิดอาการขัดขืนไม่ยินยอมที่จะไปพบพนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งย้ำว่าต้องไปพบพนักงานสอบสวน มิฉะนั้นต้องควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนฯ แต่ผู้ขับขี่เกิดอาการขัดขืน จึงได้ใช้กำลังบังคับ และใช้เครื่องพันธนาการนำตัวส่งพนักงานสอบสวนซึ่งการกระทำดังกล่าวมิได้ให้ก่อให้เกิดอันตรายหรือบาดแผลและผู้ขับขี่แต่ประการใด
ในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนเห็นว่า เพื่อให้เกิดเป็นธรรม ทั้งฝ่ายผู้ต้องหา และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้จัดให้มีทนายความ ซึ่งเป็นคนกลางรู้กฎหมายและขั้นตอนการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรม มาร่วมฟังการสอบสวนด้วย และเหตุที่พนักงานสอบสวนได้จัดทำบันทึกภาพในสอบสวน ก็เพื่อเป็นหลักฐาน พนักงานสอบสวน ไม่ได้ไปบังคับขู่หรือกระทำการใดๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย