พบเพจแฉนักธุรกิจจ่าย 1 ล้าน เพื่อให้ได้ออกรายการโทรทัศน์ดังบนทีวีดิจิทัล ทำให้คนดูหลงเชื่อ ก่อนหลอกให้เสียเงิน มีทั้งขายคอร์สอบรม ขายแฟรนไชส์ ทำคนเจ็บตัว หนักกว่านั้นคือแชร์ลูกโซ่ ตรวจสอบกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบไม่ได้รวยร้อยล้านตามอ้าง บางแห่งขาดทุนยับ ด้านฝ่ายผู้ผลิตโต้ เราทำสื่อ เราต้องรับเงินจากสปอนเซอร์เป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “สงครามโค้ชออนไลน์ ครูชัยขี้โม้ vs โค้ชแก่ขี้แซะ” (JPGCoach) ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีผู้เสียหายหลงเชื่อธุรกิจ ที่เคยออกรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง ในทีวีดิจิทัลช่องหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีนักธุรกิจอยู่จำพวกหนึ่ง จ่ายเงิน 1 ล้านบาท เพื่อให้ได้ออกรายการโทรทัศน์ เพื่อสร้างภาพ แล้วหลอกลวงผู้ชมทางบ้านอีกที โดยร่วมมือกันทั้งโค้ช ดารา และนักธุรกิจจำพวกนั้น
ทั้งนี้ รูปแบบการหลอกลวง มีทั้งการเสนอขายธุรกิจแฟรนไชส์ โดยผู้ชมทางบ้านหลงเชื่อ คิดว่า จะขายดีแบบที่ออกรายการ แต่เมื่อจ่ายค่าแฟรนไชส์หลักหมื่นบาท และค่าสต๊อกสินค้า กลับพบว่า ขายของไม่ได้ เป็นหนี้สิน มีทั้งธุรกิจอาหาร ธุรกิจขายสินค้าราคาถูก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มักจะนำรายการดังกล่าวไปต่อยอดด้วยการซื้อโฆษณาเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจในลักษณะเช่นนี้อีกจำนวนมากที่เตรียมออกอากาศตามมา
ธุรกิจต่อมา คือ ธุรกิจขายคอร์สอบรม โดยคอร์สที่แพงที่สุด ราคาอยู่ที่ 159,000 บาท รวมถึงการรวมตัวของผู้ที่อ้างตนเองเป็นโค้ชมาสอนอีกจำนวนมาก มีการอวยกันไปมาและตั้งอาจารย์หน้าใหม่ ซึ่งจะเน้นคัดคนที่ภาพลักษณ์ดีๆ มาเป็นโค้ช เพื่อดูดเงินจากผู้เข้าอบรม
ที่อันตรายที่สุด คือ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่แบบเลี่ยงกฎหมาย โดยนำสิ่งของจำพวกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อ้างว่า ซื้อแล้วรวย โดยจับกระแสออนไลน์ที่กำลังมา แล้วก็สร้างภาพด้วยรายการต่างๆ หลบกฎหมายด้วยการเอาเงิน มาแลกเป็นสินค้า ที่เปรียบเสมือนการเก็งกำไรและจำหน่ายสินค้า โดยใช้ระบบแม่ทีมผลักดันให้ผู้ที่หลงเชื่อที่อยากร่ำรวย นำเงินเก็บหรือกู้หนี้ยืมสินมาซื้อ สุดท้ายเจ้าของรวย นักลงทุนรวย แม่ทีมรวย โค้ชรวย รายการรวย แต่ความเดือดร้อนมาอยู่ที่ฐานล่างของปิรามิดอีกราวๆ 80 - 90% ที่เจ็บตัว
เจ้าของแบรนด์เหล่านี้ จะต้องสร้างเรื่องดรามาทุกครั้งที่ไปออกรายการว่า ชีวิตล้มเหลว ชีวิตต้นทุนติดลบ เพื่อเรียกคะแนนจากผู้ชมที่หลงเชื่อ พอคนเริ่มศรัทธาก็เริ่มไปออกรายการ เริ่มสร้างภาพเป็นนักบุญ และเริ่มให้ผลประโยชน์แม่ทีมราว 30 คน เพื่อควบคุมคนอีกจำนวนมากให้สอดคล้องกัน โดยใช้ทองคำ กระเป๋า แหวนเพชร ทริปท่องเที่ยว รถยนต์ และชีวิตดีๆ โดยหลักการง่ายๆ คือ ปล่อยสินค้าออกมาลอตแรกแบบน้อยๆ โดยเก็บเงินจากแม่ทีม และแม่ทีมก็เก็บเงินมาจากตัวแทนอีกจำนวนมาก เมื่อสินค้าขาดตลาดทำให้เกิดการแย่งสินค้ากัน
แม่ทีมก็จะบอกให้ตัวแทนสั่งของ อ้างว่า ยังไงก็ขายได้ ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อระดมเงินมาซื้อ กู้เงิน ยืมเงิน จำนำ จำนองเพื่อซื้อสินค้า โดยที่แม่ทีมจะได้ค่าคอมมิชชัน เจ้าของได้เงินมหาศาล กระทั่งเมื่อตัวแทนเกิดของล้นตลาด มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ หลายคนมีสินค้าเต็มบ้าน หลายคนขายไม่ออก แต่ของกำลังจะมาอีกลอต เงินขาดมือ ขายขาดทุน ยังขายไม่ได้ เมื่อเจ้าของสินค้าได้เงินไปแล้วก็หยุดโปรโมต ส่วนแม่ทีมก็จะคอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ แล้วหนีหายไป ที่เหลือก็คือตัวแทนต้องจมกับสต๊อก ด้วยความหวังที่อยากจะหาเงินช่วยครอบครัว ไม่นานนักกลุ่มคนเหล่านี้ก็ออกสินค้าใหม่ จ้างออกรายการ แล้วก็มีพฤติกรรมวนลูปแบบเดิม
นอกจากนี้ ยังมีลูกเพจบางคนนำชื่อบริษัท ที่เจ้าของไปออกรายการทีวี ตรวจสอบกับเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูงบการเงิน พบว่า รายได้ไม่กี่ล้านบาท บางคนรายได้ไม่ถึง 10 ล้านบาทอย่างที่กล่าวอ้าง แถมบางรายยังขาดทุนย่อยยับอีกด้วย สวนทางกับที่ออกรายการโทรทัศน์ อ้างว่า มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป และเมื่อมีคนไปสืบค้น พบว่า คนที่ไปออกรายการดังกล่าวต้องจ่ายเงินให้กับรายการ 1 ล้านบาท เพื่อให้ได้ออกรายการ สร้างภาพความสำเร็จ เมื่อมีการสอบถามกลับถูกลบคอมเมนต์ และถูกแบน
“ผมไปดูข้อมูล พบว่า รายได้ของกิจการพวกคนที่บอก ปลดหนี้ 12 ล้านบาท ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทำรายได้ร้อยกว่าล้านในปีเดียว จากคนเป็นหนี้ 20 ล้านบาท ทั้งหมดนั้น หลักฐานในเว็บกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชัดเจนแล้วว่าโกหกคนที่ฟังอยู่ทางบ้าน” ลูกเพจ ระบุ
อย่างไรก็ตาม พบว่า ฝ่ายผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่ถูกพาดพิง ได้โต้กลับเพจดังกล่าว ระบุว่า กรณีที่กล่าวหาว่ารับเงินไปออกรายการนั้น เนื่องจากเป็นธุรกิจสื่อ (มีเดีย) เราจึงรับเงินจากผู้สนับสนุนรายการ ซึ่งรายการมีทีมงานหลายสิบคนเพื่อทำงานนี้ มีต้นทุนการทำงานเดือนละหลายล้านบาท แต่ตนมีสปอนเซอร์มากมายสนับสนุนในสิ่งที่เราทำ เพราะสปอนเซอร์ทุกรายมีความเชื่อร่วมกัน
