พบแฟนบอลแมนยูฯ ชาวไทย อดหลับอดนอนเดินทางไปเกาะสมุยเพื่อตามหา “เอริก คันโตนา” นักเตะในตำนาน หลังทราบข่าวเดินทางมาเมืองไทย พบตามหาโรงแรมทั้งวันไม่เจอ ก่อนที่จะพบเบาะแสในช่วงเย็น และทนนั่งกินข้าวในบาร์ริมทะเลยันดึก ก่อนจะได้ลายเซ็นและคุยจริงจัง
ต้องเรียกได้ว่าทุ่มสุดตัว ตามสุดปลายเท้าจริงๆ สำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Prinya Insomchur ได้บอกเล่าประสบการณ์ติดตาม เอริก คันโตนา อดีตนักเตะกองหน้าทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติฝรั่งเศส วัย 51 ปี ได้เดินทางมาพักผ่อนกับครอบครัวที่ประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยในโลกโซเชียลฯ พบภาพคันโตนาเดินทางไปที่สนามมวยเยาวราช ต่อด้วยเชียงใหม่ แต่เขาไม่มีโอกาสได้เจอ กระทั่งวันถัดมาเห็นอินสตาแกรมพี่ชายของคันโตนาโพสต์ภาพทะเลและโขดหิน เงาของต้นไม้ โกลด์เล็ก 2 ฝั่ง เช็กอินที่บ้านแม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เขาจึงปรึกษาน้องชายและภรรยา
กระทั่งวันที่ 22 เม.ย. เขาได้ตัดสินใจเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปที่ท่าอากาศยานเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในเที่ยวบินเช้าสุด เวลา 06.00 น.ด้วยตัวเอง โดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน กระทั่งมาถึงเวลา 07.00 น. เขาพยายามสอบถามสถานที่ในภาพกับคิวรถตู้ของเกาะสมุย เพราะเห็นว่ารู้จักเส้นทางบนเกาะสมุยเป็นอย่างดี โดยได้เหมารถตู้และตระเวนไปโรงแรมเกือบ 50 แห่ง ในช่วงครึ่งวันเช้า โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถตู้สอบถามในกลุ่มโซเชียลฯ รถตู้บนเกาะสมุย กระทั่งช่วงเที่ยงเมื่อไม่พบจึงได้เดินทางกลับสนามบิน
ช่วงเที่ยง เขานั่งรออยู่ทางเข้าผู้โดยสารขาออก เพราะคิดว่าว่าคันโตนาน่าจะเช็กเอาต์จากโรงแรมตอนบ่ายมาที่สนามบิน ระหว่างนั้นได้โทรศัพท์เช็กตามโรงแรมต่างๆ ว่ามีชื่อบุคคลรายนี้เช็กเอาต์หรือไม่ คำตอบที่ได้รับคือไม่มี แต่มีโรงแรมหนึ่งที่โทรศัพท์ไป ปลายสายถามว่าชื่ออะไร มาจากที่ไหน ติดต่อใครไว้หรือเปล่า ทำให้ตนมั่นใจว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ ก่อนที่เขาจะค้นหาชื่อโรงแรมใน Google กดไปยังรูปภาพทั่วไปบรรยากาศของโรงแรม ซึ่งต้นหูกวางที่สระน้ำกับโขดหินคล้ายกับเงาต้นไม้ในภาพที่พี่ชายของคันโตนาโพสต์ลงโซเชียลฯ จึงโทรศัพท์หาคนขับรถตู้ว่าจะไปโรงแรมแห่งนั้น ใช้เวลาเท่าไหร่จากสนามบิน คนขับบอกว่าไม่ถึง 15 นาที
18.30 น. เขาได้มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่คันโตนาเข้าพัก เป็นโรงแรมส่วนตัวที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน ซึ่งคงไม่ต้อนรับลูกค้าเช็กอินแน่นอน ทางเดียวที่จะอยู่สถานที่แห่งนี้ได้นาน คือ ร้านอาหารของโรงแรม แต่เนื่องจากมีร้านอาหารถึง 6 ห้อง จึงตัดออกเหลือร้านอาหารไทย กับบาร์อาหารริมหาด ระหว่างนั้นถามสัพเพเหระไปเรื่อย จนมาถึงห้องอาหารริมหาด สอบถามว่าถ้าไม่ได้เข้าพักจะรับประทานอาหารที่นี่ได้หรือไม่ พนักงานจึงไปสอบถามและแจ้งว่าว่างอยู่ 1 โต๊ะ จึงได้ทำการจองโต๊ะเอาไว้ ระหว่างที่เดินไปที่โต๊ะ ดูสถานที่รอบๆ พบว่าเงาของต้นไม้ที่อยู่ในรูปกับโขดหินตรงกัน ก่อนจะสั่งอาหารและพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟ
กระทั่งเวลา 19.30 น. แขกที่มาพักก็เริ่มทยอยลงมาที่ริมหาด จนเกือบเต็มทุกโต๊ะ คงเหลือแค่โต๊ะใหญ่ ที่วางเก้าอี้ไว้ 8 ที่นั่ง เมื่อถามพนักงานได้ความว่าเป็นโต๊ะของเจ้าของโรงแรมกับแขก ทำให้เขาแปลกใจ กระทั่งเห็นพี่ชายของคันโตนาลงมาพร้อมกับภรรยา และเด็กเล็กอีก 2 คน กระทั่งคันโตนาลงมาสมทบที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 10 เมตร แต่เขาคิดว่าหากรุกประชิดไปหาที่โต๊ะเพื่อขอถ่ายรูปจะเป็นการเสียมารยาท จึงนั่งรอเขาลุกออกจากโต๊ะหรือว่าออกมาเดินเล่นริมหาดจะดีกว่า ระหว่างนั้นคันโตนาพร้อมกับเด็กเดินมาทางโต๊ะเพื่อที่จะพาเด็กไปนั่งเบาะโฟมที่ชายหาดข้างโต๊ะ
เมื่อคันโตนาเดินผ่าน เขาจึงกล่าวกับเขาว่า “You have enough time to let me take a photo with you.” คันโตน่าตอบกลับมาว่า “OK, Can you take a photo now” เขาตอบกลับไปว่า “Not now, Have fun with your dinner. I wait for you.” (ยังไม่ใช่ตอนนี้ เชิญคุณเอนจอยกับดินเนอร์ของคุณก่อนครับ ผมรอได้) คันโตนาจึงเดินกลับไปที่โต๊ะ กระทั่งเวลา 23.00 น. แขกทุกโต๊ะเริ่มทยอยกลับห้อง เหลือเพียงแต่โต๊ะของเจ้าของโรงแรมและโต๊ะของตน พนักงานเริ่มทยอยเก็บโต๊ะ เริ่มเก็บของ คันโตนาเดินลุกมาหาที่โต๊ะ และกล่าวว่า “I promise to take photo” ก่อนที่จะถ่ายรูปและพูดคุยกัน โดยเขาได้มอบกางเกงมวยไทยให้คันโตนา ส่วนคันโตนาได้เซ็นชื่อลงบนเสื้อฟุตบอล และเสื้อยืดสีขาวที่สกรีนเป็นหน้าเขาใส่ชุดพระราชา ซึ่งคันโตนายังขอหยิบไปโชว์ให้ภรรรยากับพี่ชายดูอีกด้วย