ศูนย์ข้อมูลฯ เผยผลสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยประจำปี 60 ของ 4 จังหวัดภาคใต้ พบ 37 โครงการ เปิดใหม่ 4,907 หน่วย มูลค่า 21,425 ล้านบาท โดยมากกระจุกตัวใน อ.เมืองภูเก็ต ชี้อาคารชุดมากสุด 84 โครงการมูลค่า 71,384 ล้านบาท โดยมีกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 3.01-5.00 ล้านบาท เสนอขายมากสุด 33.7% แจงอัตราการดูดซับต่อเดือนดีขึ้น ปรับตัวจาก 6.5% เป็น 7.7% โดยเฉพาะกลุ่มราคา 5 ล้านบาท ขณะที่ จ.สงขลา พบอัตราการระบายออกดีขึ้น โดยมีหน่วยขายได้ 7,792 หน่วย คิดเป็น 70.5% จากทั้งหมด 11,053 หน่วย มูลค่าขายได้รวม 29,627 ล้านบาท โดยอาคารชุดขายได้มากสุด 76.6% ด้านอัตราการดูดซับปรับตัวดีขึ้นจาก 3% เป็น 5% ด้าน จ.สุราษฎร์ธานี พบอัตราการดูดซับปรับดีขึ้นจาก 4.9% เป็น 5% โดยอัตราดูดซับพิ่มขึ้นทุกกลุ่มราคา ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช อัตราการดูดซับต่อเดือนปรับลดลงจาก 7.7% เป็น 4.7% โดยอัตราดูดซับลดลงอย่างมากในกลุ่มราคา 1.5-3 ล้านบาท
ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์ 2 และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ 14 จังหวัด มีจำนวน Housing Stock ประมาณ 3.5 ล้านหลัง คิดเป็น 13.6 % ของประเทศ เฉพาะพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีสัดส่วน Housing Stock รวมกัน 51.9% ของ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ 27,628 หน่วย มูลค่ารวม 50,691 ล้านบาท
โดยจังหวัดภูเก็ต มีการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 60 ทั้งสิ้น 6,247 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 17,579 ล้านบาท จังหวัดสงขลา 5,432 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 8,262 ล้านบาท จังหวัดสุราษฎร์ธานี 4,219 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 7,652 ล้านบาท และจังหวัดนครศรีธรรมราช 3,207 หน่วย มูลค่า 4,850 ล้านบาท ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้กำหนดให้ 4 จังหวัดดังกล่าว เป็นพื้นที่ดำเนินการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขาย จากการสำรวจ ณ ไตรมาส 3 ปี 60 โดยผลการสำรวจภาคสนามจากโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, และนครศรีธรรมราช พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ดังนี้
จากการสำรวจพบว่า ในจังหวัดภูเก็ต มีโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย อยู่ระหว่างการขาย 154 โครงการ 26,088 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 123,187 ล้านบาท แบ่งออกเป็นบ้านจัดสรร 11,153 หน่วย (ลดลงจากปี 59 ที่มี 13,246 หน่วย) และอาคารชุด 14,935 หน่วย (ลดลงจากปี 59 ที่มี 16,311 หน่วย) โดยมีโครงการเปิดใหม่ในปี 60 จำนวน 37 โครงการ 4,907 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 21,425 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 15 โครงการ1,039 หน่วย มูลค่า 5,189 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 22 โครงการ 3,868 หน่วย มูลค่า 16,236 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมจังหวัดภูเก็ต มีโครงการอาคารชุดเสนอขายมากที่สุด 57.2% รองลงมา เป็นบ้านแฝด 13.9% และเป็นทาวน์เฮาส์ 13.5% โดยกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 70 โครงการ 11,153 หน่วย มูลค่า 51,803 ล้านบาท ขณะที่อาคารชุดระหว่างขายมี 84 โครงการ 14,935 หน่วย มูลค่า 71,384 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขายระหว่าง 3.01-5.00 ล้านบาท หรือ 33.7% รองลงมามีราคาขาย 2.01-3.00 ล้านบาท 28% และมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 ล้านบาท
โดยภาพรวมการขายพบว่า มีหน่วยที่ขายได้ จำนวน 19,951 หน่วย คิดเป็น 76.5% (จากหน่วยทั้งหมด 26,088 หน่วย) มูลค่าโครงการขายได้รวม 91,531 ล้านบาท โดยอำเภอเมืองภูเก็ต มีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 79.6% (จากหน่วยทั้งหมด 12,672 หน่วย) ขณะที่ภาพรวมหน่วยเหลือขายมีจำนวน 6,137 หน่วย หรือ 23.5% มีมูลค่าเหลือขาย 31,656 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด 24.3% (จากหน่วยทั้งหมด 3,528 หน่วย) เป็นที่น่าสังเกตว่า อัตราการดูดซับต่อเดือน หรือ Absorption Rate ในปี 60 ดีขึ้นจากปี 59 โดยปรับขึ้นจาก 6.5% ในปี 59 เป็น 7.7% โดยเฉพาะกลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราดูดซับต่อเดือนเพิ่มขึ้น
ด้านจังหวัดสงขลา (อำเภอหาดใหญ่ อำเภอเมือง และอำเภอสะเดา) พบว่า มีหน่วยที่อยู่ระหว่างขาย 139 โครงการ 11,053 หน่วย มูลค่า 42,656 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 122 โครงการ 7,981 หน่วย (ลดลงจากปี 59 ที่มี 9,367 หน่วย) และหน่วยห้องชุด 17 โครงการ 3,072 หน่วย (ลดลงจากปี 59 ที่มี 4,860 หน่วย) โดยมีจำนวนหน่วยอยู่ในอำเภอหาดใหญ่ สูงสุด 82.5% และเป็นโครงการเปิดขายใหม่ 33 โครงการ 1,225 หน่วย มูลค่า 3,564 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 32 โครงการ 749 หน่วย มูลค่า 2,628 ล้านบาท เป็นอาคารชุด 1 โครงการ 476 หน่วย มูลค่า 935 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดสงขลา เป็นประเภทบ้านเดี่ยวมากที่สุด 30.9% รองลงมา เป็นอาคารชุด 27.8% และทาวน์เฮาส์ 23% ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขาย 3.01-5.00 ล้านบาท 33.4% รองลงมา มีราคาขาย 2.01-3.00 ล้านบาท 27.2% ในประเภทบ้านจัดสรร อยู่ระหว่างขาย 122 โครงการ 7,981 หน่วย มูลค่า 35,157 ล้านบาท ส่วนอาคารชุดระหว่างขายมี 17 โครงการ 3,072 หน่วย มูลค่า 7,499 ล้านบาท ส่วนใหญ่ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท 33.4% ส่วนใหญ่มีระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท 31.2%
ทั้งนี้ ภาพรวมการพัฒนาโครงการในจังหวัดสงขลา มีหน่วยขายได้ 7,792 หน่วย หรือ 70.5% (จากทั้งหมด 11,053 หน่วย) มูลค่าขายได้รวม 29,627 ล้านบาท ซึ่งอาคารชุดมีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 76.6% (จากทั้งหมด 3,072 หน่วย) มีหน่วยเหลือขาย 3,261 หน่วย มูลค่า13,029 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับต่อเดือนดีขึ้นจาก 3% ในปี 59 เป็น 5% โดยมีอัตราดูดซับต่อเดือนเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มราคา
ดร. วิชัย กล่าวว่า สำหรับ ตลาดที่อยู่อาศัยใน จ.สุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย) พบว่า มีหน่วยที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย 102 โครงการ 7,718 หน่วย มูลค่า 26,865 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 6,116 หน่วย (เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มี 5,845 หน่วย) เป็นอาคารชุด 1,602 หน่วย (ลดลงจากปีก่อนที่มี 1,722 หน่วย) โดยมีจำนวนหน่วยอยู่ในอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี 86.2% และมีโครงการเปิดขายใหม่ 23 โครงการ เป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด โดยมีจำนวน 1,129 หน่วย มูลค่า 3,279 ล้านบาท
โดยภาพรวมการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย เป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด 42.3% รองลงมา เป็นอาคารชุดร้อย 20.8% และเป็นทาวน์เฮาส์ 15.2% ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขายระหว่าง 3.01-5.00 ล้านบาท คิดเป็น 34.3% รองลงมา อยู่ในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท คิดเป็น 31.6% โดยภาพรวมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 3.48 ล้านบาท ทั้งนี้ มีโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งอยู่ระหว่างการขายใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย ทั้งหมด 91 โครงการ 6,116 หน่วย มูลค่า 22,482 ล้านบาท
สำหรับโครงการอาคารชุด มีโครงการซึ่งอยู่ระหว่างการขาย ใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี 11 โครงการ 1,602 หน่วย มูลค่า 4,384 ล้านบาท โดยภาพรวม อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย มีหน่วยขายได้ 5,113 หน่วย คิดเป็น 66.2% (จากทั้งหมด 7,718 หน่วย) มูลค่าขายได้รวม 17,640 ล้านบาท โดย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี มีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 68.2% (จากทั้งหมด 6,651 หน่วย) อาคารชุดมีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 83.5% (จากทั้งหมด 1,602 หน่วย) โดยมีหน่วยเหลือขาย 2,605 หน่วย หรือ 33.8% มูลค่าเหลือขาย 9,225 ล้านบาท และบ้านแฝด เหลือขายมากที่สุด 62% (ต่อหน่วยทั้งหมด 1,165 หน่วย) ส่วนอัตราการดูดซับต่อเดือนในปี 60 ดีขึ้นจากปี 59 โดยปรับขึ้นจาก 4.9% เป็น 5% โดยมีอัตราดูดซับต่อเดือนเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มราคา ยกเว้นกลุ่มราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
สำหรับ จ.นครศรีธรรมราช (อำเภอเมือง) พบว่า มีโครงการเปิดขายใหม่ 9 โครงการ เป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด จำนวน 901 หน่วย มูลค่า 3,688 ล้านบาท ทำให้มีหน่วยที่อยู่อาศัยระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 35 โครงการ 5,197 หน่วย มูลค่า 19,356 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 5,043 หน่วย (เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มี 4,549 หน่วย) เป็นอาคารชุด 154 หน่วย (ลดลงจากปี 59 ที่มี 385 หน่วย) ซึ่งโครงการส่วนใหญ่มีราคาขาย 3.01-5.00 ล้านบาท 55.6% รองลงมา มีราคาขาย 2.01-3.00 ล้านบาท คิดเป็น 22.5%
โดยภาพรวมการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีหน่วยขายได้ 3,406 หน่วย หรือ 65.5% (จากทั้งหมด 5,197 หน่วย) มูลค่าที่ขายได้ 12,932 ล้านบาท และอาคารชุดขายได้มากที่สุด 96% (จากหน่วยทั้งหมด 154 หน่วย) มีหน่วยเหลือขาย 1,791 หน่วย คิดเป็น 34.5% มูลค่า 6,964 ล้านบาท โดยบ้านแฝด เหลือขายมากที่สุด 64.5% (จากหน่วยทั้งหมด 837 หน่วย) ด้านอัตราการดูดซับต่อเดือนในปี 60 ลดลงจากปี 59 โดยปรับลดลงจาก 7.7% เป็น 4.7% โดยมีอัตราดูดซับต่อเดือนลดลงอย่างมากในกลุ่มราคา 1.5-3 ล้านบาท