อดีต ส.ส.ปชป. และแกนนำ กปปส. “จั้ม สกลธี ภัททิยกุล” ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปรับตำแหน่ง “รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร”
ก่อนหน้านี้ 3 เม.ย. นายสกลธีเพิ่งเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม.ปชป. และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี
ทั้งที่ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายสกลธีเพิ่งไปรายงานตัวยืนยันเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป.มาไม่กี่วัน
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นายสมคิดเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย
แต่ทั้งนายสกลธี และนายณัฏฐพล ต่างปฏิเสธว่าไม่มี ระบุว่าที่ไปพบนายสมคิดเป็นการหารือเกี่ยวกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี เท่านั้น
แต่ท่าทีของนายสกลธีที่ผ่านมา แม้จะยืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคจับตามองว่าจะเอายังไง เพราะไม่ยอมตั้งศูนย์รับจดทะเบียนสมาชิกที่เขตหลักสี่ กทม.ซึ่งนายสกลธีเป็นเจ้าของพื้นที่ เมื่อพรรคแจ้งให้ดำเนินการ แต่นายสกลธียังไม่ได้ทำ ก็ทำให้ไม่ชัดเจนว่ายังคิดจะทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปหรือไม่
กระทั่งในที่สุดทุกอย่างก็เฉลย เจ้าตัวกล่าวว่า ได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ประสานไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ตนเข้ารับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.
และเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ได้เข้าพบเพื่อลานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ไม่ได้ยับยั้งการตัดสินใจ โดยบอกว่าเขตที่ตนเคยลงสมัครก็จะต้องให้คนอื่นลงสมัครแทน ส่วนในอนาคตจะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นหรือไม่นั้นยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้
สำหรับ “จั้ม สกลธี” เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คนของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กับนางศศิณี ภัททิยกุล
จบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบปริญญาโทด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยอินเดียนา และมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
เคยรับราชการอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และได้รับการดึงตัวจากนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ไปช่วยงานเป็นเลขานุการส่วนตัว
ปี 2550 ลาออกจากราชการ เพื่อไปร่วมงานพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัคร ส.ส.เขต 4 (เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่) และได้เป็น ส.ส.คู่กับนายบุญยอด สุขถิ่นไทย และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี
กระทั่งปี 2554 นายสกลธีได้ลงสมัคร ส.ส.เขต 11 (เขตหลักสี่) แต่แพ้นายสุรชาติ เทียนทอง บุตรชายของนายเสนาะ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย ถึงกระนั้นเขายังรับตำแหน่งรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
มาถึงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นายสกลธีเป็นแนวร่วมสำคัญ เป็นแกนนำชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายชุมพล จุลใส และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จนได้ฉายาว่า “สี่ทหารเสือ”
หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง ยังคงต้องขึ้นศาลในข้อหากบฏที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มอบให้ ร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.และผู้ต้องหารวม 58 คน
มาวันนี้ นายสกลธีเปลี่ยนเส้นทางการเมืองชั่วคราวในช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้งใดๆ เกิดขึ้นในยุคนี้ ต้องรอดูว่าอนาคตทางการเมืองหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร คงต้องดูกันไปยาวๆ