xs
xsm
sm
md
lg

พบ “หมึกสายวงน้ำเงิน” ที่ระนอง พิษแรงกว่างูเห่า เตือนห้ามรับประทาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพจ “พลังสื่อ online” โพสต์เตือนระวัง “หมึกสายวงน้ำเงิน” ที่มีสีสันสวยงาม แต่มีพิษสามารถฆ่าคนเป็นจำนวนมากได้ในคราวเดียว พบแล้วที่จังหวัดระนอง หวั่นพ่อค้าแม่ค้าเห็นแก่ตัวลอกหนังนำมาขาย

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. เพจ “พลังสื่อ online” ได้โพสต์รูปภาพจำนวน 3 รูป เผยให้เห็นหมึกชนิดหนึ่งที่มีลวดลายสีสันสวยงาม ตามลำตัวมีจุดวงกลมคล้ายแหวนสีน้ำเงิน หรือสีม่วง แต่เจ้าหมึกที่มีสีสันสวยงามแบบนี้มีพิษร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 20 เท่า สามารถฆ่าคนได้ถึง 26 คนในคราวเดียว สำหรับเจ้าหมึกสายวงน้ำเงินนั้นเป็นหมึกในสกุล Hapalochlaena ในอันดับหมึกยักษ์ จัดเป็นหมึกขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง มีจุดเด่น คือสีสันตามลำตัวที่เป็นจุดวงกลมคล้ายแหวนสีน้ำเงิน หรือสีม่วง สามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม ตัดพื้นลำตัวสีขาวหรือเขียว แลดูสวยงาม

พิษของเจ้าหมึกชนิดนี้เป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า เรียกว่า Tetrodotoxin (TTX) พิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะเข้าไปขัดขวางการสั่งงานของสมองที่จะไปยังกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิต คนที่ถูกพิษจะมีอาการคล้ายเป็นอัมพาต หายใจไม่ออกเนื่องจากกล้ามเนื้อกระบังลมและหน้าอกไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถนำอากาศเข้าสู่ปอดได้ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต การปฐมพยาบาลต้องหาวิธีนำอากาศเข้าสู่ปอด เช่น เป่าปาก เป็นต้น จากนั้นต้องรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าช่วยชีวิตเป็นผล ผู้ป่วยจะฟื้นเป็นปกติภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ว่าจะขาดอากาศนานเกินไปจนสมองตาย

ต้นกำเนิดของพิษในน้ำลายของหมึกสายวงน้ำเงิน เกิดจากผลผลิตของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในต่อมน้ำลายของมัน แบคทีเรียดังกล่าวประกอบด้วย Bacillus และ Pseudomonas พิษ TTX และแบคทีเรียยังพบได้ในไข่ของหมึก สันนิษฐานว่าเป็นกระบวนการส่งถ่ายความสามารถในการสร้างพิษจากแม่หมึกไปยังลูก

เจ้าหมึกสายวงน้ำเงิน ได้ถูกพบแล้วในพื้นที่จังหวัดระนอง โชคดีที่คนซื้อสังเกตเห็นก่อนที่นำมาปรุงเป็นอาหาร จึงยังไม่ได้รับอันตรายจากพิษของเจ้าหมึกชนิดนี้

ทั้งนี้ โพสต์เตือนภัยได้ถูกแชร์ออกสู้โลกโซเชียลมีเดียแล้วกว่า 35,000 ครั้ง ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์นี้กันเป็นจำนวนมากอีกด้วย อีกทั้งยังแสดงความคิดเห็นเป็นห่วงกลัวว่าจะมี พ่อค้าแม่ค้าลอกหนังออกเป็นสีขาวล้วนเหมือนหมึกทั่วๆ ไป แล้วนำมาขายซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค









กำลังโหลดความคิดเห็น