ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภ.บ้านนาเห็นสั่งฟ้องคนทำ “น้องเมย” ตาย ส่งสำนวนถึงอัยการ มทบ.12 พิจารณาแล้ว ด้านพี่สาวเปิด 4 ประเด็นสงสัยที่ครอบครัวเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อครั้งเดินทางเข้ากองทัพไทย พบทั้งเลือดออกบริเวณลำคอเหนือไหปลาร้าซ้าย-ขวา พนักงานสอบสวนและแพทย์ลงความเห็นตรงกันว่าอาจเกิดจากการถูกล็อกคอ รอยช้ำบริเวณกล้ามเนื้ออกซ้าย-ซี่โครง
วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับความพยายามในการทวงถามความยุติธรรมเรื่องการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ของครอบครัวตัญกาญจน์ หลังโรงเรียนเตรียมทหาร ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แต่ทางญาติติดใจในการเสียชีวิต จึงนำร่างเข้าผ่าพิสูจน์รอบที่ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จนทราบว่าอวัยวะสำคัญหลายอย่างถูกนำออกจากร่าง โดยที่สถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งทำการผ่าพิสูจน์ในรอบแรกไม่แจ้งให้ครอบครัวได้รับทราบ จนกลายเป็นข่าวโด่งดังในช่วงปลายปี 2560 และยังคาบเกี่ยวมาถึงต้นปี 2561 เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุการเสียชีวตให้ครอบครัว และคนในสังคมคลายความสงสัยได้
กระทั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 ครอบครัวตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ-นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ได้เดินทางเข้าพบคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของน้องเมย ภายใต้การนำของ พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อรับทราบผลการสอบสวน ปรากฏว่ายังไม่สามารถคลายความสงสัยให้แก่ครอบครัวได้เช่นเคย
ที่สำคัญนอกจากทางครอบครัวจะระบุว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เคยได้ยินแล้ว ยังได้นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการผ่าพิสูจน์รอบที่ 2 โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นำเสนอต่อคณะกรรมการฯ ให้ได้รับทราบ โดยเชื่อว่าภาพถ่ายและผลทางนิติวิทยาศาสตร์น่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของน้องเมย ว่าทางครอบครัวเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งความคืบหน้าการสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน สภ.บ้านนา จ.นครนายก ลงวันที่ 24 มกราคม 2561 ตามที่ครอบครัวได้แจ้งความร้องทุกข์ หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ คดีที่ 692/2560 ประจำวัน ข้อ 2 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2560 และพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินการตามกฎหมายแล้วนั้น ผลการดำเนินการ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยาน และแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ และได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้แล้ว
ในชั้นนี้ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และจะได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการ มณฑลทหารบกที่ 12 พิจารณาต่อไป
ส่วนการนำผลทางนิติวิทยาศาสตร์เสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ นอกจากภาพถ่ายร่างกายของน้องชายขณะยังมีชีวิตอยู่ที่พบว่ามีรอยช้ำหลายจุดซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการฝึกทางทหาร และการถูกธำรงวินัยที่รุนแรงเกินไป ยังเชื่อว่าอาจจะนำไปสู่การถูกทำร้ายร่างกาย ประกอบด้วย 1. พบว่ามีเลือดออกบริเวณลำคอเหนือไหปลาร้าทั้งซ้ายและขวา ซึ่งพนักงานสอบสวนและแพทย์ให้ความเห็นตรงกันว่า อาจเกิดจากการถูกล็อกคอ 2. กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงซ้าย ซึ่งที่ 8-10 ฟกช้ำคล้ายถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกจากด้านหน้าไปด้านหลัง
3. ซี่โครงซี่ที่ 4 หัก ซึ่งผลทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการทำ CPR และ 4. รอยฟกช้ำบริเวณกล้ามเนื้อหน้าอกซ้าย ซึ่งห่างจากจุด CPR
น.ส.สุพิชาบอกว่า สิ่งที่ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ อาจจะดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับคณะกรรมการฯ แต่ในแง่ของข่าวแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะตนเองได้นำเสนอและบอกเล่าเรื่องราวต่อสื่อมวลชน รวมทั้งบุคคลภายนอกอยู่ตลอดเวลา จะมีแค่เพียงผู้ใหญ่ในกองทัพเท่านั้นที่บอกว่าไม่เคยรับรู้ ทั้งนี้ก็เพื่อยืนยันว่าการเสียชีวิตของน้องชาย อาจเกิดจากการถูกทำร้ายเพราะมีร่องรอยในลักษณะที่ทำให้เชื่อเช่นนั้น โดยขอให้ผู้ใหญ่ในกองทัพให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของตนด้วย