หลังพิสูจน์ฝีไม้ลายมือเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่งานโภชนาการ, บริหารโครงการ, บริหารการใช้พลังงาน รวมถึงบริหารอาคารที่ให้บริการทั้งซ่อมบำรุงมายาวนานกว่า 14 ปี ในวันนี้ “โซเด็กซ์โซ่” ยังคงปักหลักเบอร์หนึ่งในไทยพร้อมหมายมั่นขยายส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศ
วันนี้ (23 ธ.ค.) MR. อาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ (ประเทศไทย) และผู้อำนวยการกลุ่มลูกค้าองค์กรประเทศไทย เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า โซเด็กซ์โซ่ก่อตั้งขึ้นในปี 2509 ที่เมืองมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นธุรกิจด้านบริการ การบริหารแบบครบวงจร และเข้ามาเปิดให้บริการในเมืองไทยเมื่อปี 2546 โดยกลุ่มผู้รับบริการของ โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย แบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. โรงพยาบาล อาทิ บำรุงราษฎร์, สมิติเวช, พญาไท 2, ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, ธนบุรี 2 และ บางโพ เป็นต้น 2. โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพลส (สยาม - สาธร - สุขุมวิท 11) 3. สถานศึกษา - โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน 4.บริษัทองค์กร 5. องค์นอกชายฝั่งและพื้นที่ห่างไกลทรานส์โอเชี่ยน และ 6. อสังหาริมทรัพย์
“ธุรกิจหลักที่เป็นจุดเด่นของโซเด็กซ์โซ่เริ่มต้นที่การให้บริการด้านอาหารในสถานพยาบาล โดยโซเด็กซ์โซ่มีทีมนักโภชนาการของเข้าไปทำงานประจำยังโรงพยาบาลเพื่อดูแลอาหารสำหรับผู้ป่วยเพื่อตอบสนองความต้องการด้านโภชนาการของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น มีคุณค่าทางอาหารที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันโซเด็กซ์โซ่มีนักโภชนาการในประเทศไทยจำนวนมากกว่า 150 คน โดยดูแลอาหารในสถานศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำต่างๆ รวมทั้งมีการให้บริการทางด้านอาหารให้กับพนักงานของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ที่ทำงานยังแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งอีกด้วย”
หลังประสบความสำเร็จจากธุรกิจหลัก โซเด็กซ์โซ่เริ่มขยายการให้บริการมากขึ้นโดยเพิ่มในส่วนของการงานบริหารอาคารมีบริการทั้งซ่อมบำรุง บริหารโครงการ บริหารการใช้พลังงาน งานปรับภูมิทัศน์ หากยังมีบริการแม่บ้าน, พนักงานต้อนรับ และพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกด้วย ส่วนด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ ธุรกิจนี้เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2551 โดยรับผิดชอบดูแลงานซ่อมบำรุง จัดทำบัญชีรายการอุปกรณ์ นำเสนอการฝึกอบรมการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างปลอดภัย พร้อมทีมงานประจำที่โรงพยาบาล ซึ่งสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชม.
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา อาร์โนด์ เบียเลคกิ บอกว่า เป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีการเติบโตจากธุรกิจหลัก ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความต้องการบริการคุณภาพชีวิตที่ดีสูงเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของกลุ่มบริหารจัดการอาคาร รวมทั้งกลุ่มบริการสนับสนุนอาคาร เช่น แม่บ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถือเป็นกลุ่มงานบริการมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมาก ดังนั้น ในปี 2561 นี้บริษัทตั้งเป้ารายได้การเติบโตของกำไรจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปี 2560 อีก 20%
“ปีนี้ (ปีงบประมาณ 2561 เริ่ม 1 ก.ย. 2560 - 31 ส.ค. 2561) ของโซเด็กซ์โซ่เราเริ่มงานมาประมาณเกือบ 4 เดือนแล้ว ผลงานก็เป็นที่น่าพอใจ ลูกค้าของโซเด็กซ์โซ่มีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่เราไป Joint Venture กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่โซเด็กซ์เข้าไปบริการดูแลส่วนกลางของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งแต่ละเดือนจะมีลูกค้าใหม่ประมาณ 4 - 5 โรงงาน/เดือน ที่ติดต่อเราเข้าไปให้บริการซึ่งหลังจากนี้เรายังมีแผนขยายธุรกิจการบริการไปยังอมตะนครในประเทศเวียดนามอีกด้วย ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำโซเด็กซ์โซ่ก็ดูแลเกือบหมดแล้ว ปีนี้มีแผนขยายงานไปเจาะลูกค้าโรงพยาบาลในระดับรองลงมา ทั้งในกลุ่มโภชนาการอาหารให้ผู้ป่วย และกลุ่มดูแลอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ โดยจะเน้นไปที่การดูแลเรื่องการบำรุงรักษาเพื่อลดต้นทุนและยืดอายุการใช้งาน ให้เกิดประสิทธิภาพต่อการทำงานต่อไป” อาร์โนด์ เบียเลคกิ กล่าว
อาร์โนด์ ยังกล่าวถึงแผนการบริหารงานในด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของโซเด็กซ์โซ่ ว่า เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมาโดยตลอด มีการพัฒนาคุณภาพบุคลากรในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโซเด็กซ์โซ่ประเทศไทยมีพนักงานทั้งหมดเกือบ 4 พันคนแล้ว “เพราะหัวใจของโซเด็กซ์โซ่คือเรื่องของการให้บริการ เราจึงเน้นในเรื่องนี้มากๆ ผมยอมรับว่าผมโชคดีที่ได้มาอยู่เมืองไทย ตลอดเวลา 22 ปีที่ผมอยู่มาที่นี่ ผมได้พบว่าคนไทยมีเสน่ห์มีนิสัยยิ้มแย้ม แจ่มใส และเป็นมิตรอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องฝึกฝนเรื่องนี้มากนัก แต่มีปัญหานิดหน่อยในเรื่องของภาษา ซึ่งก็เพิ่มทักษะด้านภาษาให้แก่แม่บ้านที่จะเข้าไปดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะการจัดทำสคริปต์คำพูดอย่างง่ายๆ เช่น การทักทาย การเสิร์ฟอาหาร เป็นต้น”
แม้ โซเด็กซ์โซ่ (ประเทศไทย) จะเป็นบริษัทใหญ่ที่มีผู้คนสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก หากแต่ปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคคลากรในบางเวลาก็เป็นสิ่งที่ อาร์โนด์ ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่มีผลกระทบกับบริษัท เพราะที่ผ่านมาโซเด็กซ์โซ่มีแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาทางด้านภาษา สนับสนุนพนักงานเข้าคอร์สอบรมโปรแกรมต่าง ๆ เพื่ออัพเดทการทำงาน ทั้งยังผลักดันให้พนักงานคนไทยก้าวขึ้นมาในระดับบริหารมากขึ้น จากที่เคยเป็นผู้บริหารชาวต่างชาติทั้งหมด เพื่อกระตุ้นให้เห็นโอกาสการเติบโตในการทำงาน
“ปัญหาการโยกย้ายหรือการดึงตัวเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร อาจเพราะเราอยู่กันอย่างครอบครัว ใส่ใจซึ่งกันและกัน ให้ความก้าวหน้าในสายอาชีพ ให้เติบโต โดยไม่มีความเสี่ยง เหมือนการทำธุรกิจของตัวเอง อีกทั้งที่นี่ยังมีสวัสดิการที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการทำงานในบริษัทอื่น เริ่มตั้งแต่กลุ่มลูกจ้างรายวัน อย่างพนักงานรักษาความปลอดภัย ทำความสะอาด มีชุดยูนิฟอร์มแจกฟรี ทำงานครบ 1 ปี จะมีสิทธิ์เป็นพนักงานรายเดือน มีวันลาหยุด มีสิทธิ์ได้เงินโบนัส มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วยโดยปัจจุบัน” ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ (ประเทศไทย) กล่าวทิ้งท้าย