WHA Group ปลื้มตลาดหลักทรัพย์ฯ ดึง WHA เข้าคำนวณดัชนี SET50 และ WHAUP คำนวณดัชนี SET100 ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” เผย การถูกเข้าคำนวณใน SET ของทั้ง 2 บริษัท เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานที่แท้จริง พร้อมตอกย้ำผลการดำเนินงานปี 2560 เป็นไปตามเป้า เตรียมวางแผนยุทธศาสตร์ ด้านกลยุทธ์ เร่งขยายธุรกิจ สร้างอาณาจักรการเติบโตของทั้งกรุ๊ปในปี 2561
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านลอจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค และพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ดัชนี SET และดัชนี SETHD ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561(1 มกราคม-30 มิถุนายน) ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของกลุ่มนักลงทุน ที่มั่นใจในศักยภาพ และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจของ WHA และ WHAUP เสมอมา
สำหรับหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกคำนวณเข้ามาอยู่ใน SET50 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 11 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 66% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ขณะที่ดัชนี SET100 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 74% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2560
“ขอบคุณกลุ่มผู้ถือหุ้น นักลงทุน รวมถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เห็นถึงศักยภาพการบริหารงานของ WHA Group และ WHAUP จนทำให้ทั้ง 2 บริษัท ติดหนึ่งในการคำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 (1 มกราคม-30 มิถุนายน)” นางสาวจรีพร กล่าว
เป็นการตอกย้ำภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2560 ว่าจะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตที่ดีที่สุดของบริษัทฯ ทั้งนี้ จากการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 3,090 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งเป็นการรวมกองระหว่างกองทุนรวม WHAPF กับกองทรัสต์ WHART รวมทั้งการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งขณะนี้การรวมกองดังกล่าวแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในปัจจุบัน กองทรัสต์ WHART มีขนาดทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีขนาดพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งหมด 970,000 ตารางเมตร
ขณะที่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มีการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 1,690 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้สิทธิผู้ถือหน่วยเดิมจอง ระหว่างวันที่ 15-26 ธ.ค. นี้ ซึ่งหากการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ขนาดทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ HREIT โตเกือบ 10,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท
ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) จากการประชุมครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ได้เห็นชอบประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดแห่งที่ 4 จังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1,400 ไร่ เป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับอุตสาหกรรมการบินและลอจิสติกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และบริษัทฯ ได้มีการยื่นแผนธุรกิจ (Feasibility Study) สำหรับนิคมอื่น ๆ ของบริษัทฯ อีก 8 โครงการเพิ่มเติมให้ทาง กรศ. พิจารณาเพื่ออนุมัติประกาศให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี หลังสิ้นสุดระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเกณฑ์ปกติ ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) และร่วมกับสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ฝึกอบรมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน และชาวญี่ปุ่น ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
จากกรณีดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ยอดขายที่ดินในช่วงปลายปี 2560-2561 มีแนวโน้มในการขายที่ดินในจำนวนที่มากขึ้น ประกอบกับโครงการส่วนใหญ่ของ WHA GROUP ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว สำหรับนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เฟส 1 จำนวนกว่า 3,000 ไร่ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2561
ส่วนธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภค คาดว่ารายได้จากการให้บริการน้ำทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ประมาณ 10% จากปริมาณลูกค้าในนิคมฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี ซึ่งมีการใช้น้ำในปริมาณมาก เช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 40% จากการมีโรงไฟฟ้าที่จะ COD ได้ตามแผนในปีนี้
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อลอจิสติกส์ในประเทศ ตั้งเป้าพื้นที่เช่า 200,000-250,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดพื้นที่ที่ทำสัญญาแล้ว และอยู่ระหว่างเจรจาที่มีความเป็นไปได้สูง ทั้งโครงการ Built-to-Suit และ Sale and Leaseback แล้วกว่า 80% ของเป้าหมายที่วางไว้ และโครงการลอจิสติกส์ในประเทศอินโดนีเซีย กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในโครงการเฟสที่ 2
“ปีนี้ WHA Group เดินตามแผนธุรกิจที่วางไว้ทั้งหมด ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ประกอบกับยอดโอนที่ดินในปีนี้ตามเป้า 1,000-1,100 ไร่ ส่วนยอดขายการเช่าใหม่ของพื้นที่โรงงาน และคลังสินค้าในปีนี้ ตั้งเป้าไว้กว่า 2 แสนตารางเมตร ซึ่งจากเป้าหมายดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่า ไตรมาส 4/60 จะเป็นไตรมาสที่ดีของ WHA Group” นางสาวจรีพร กล่าว
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางแผนทางธุรกิจในปี 2561 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายการลงทุนของบริษัทในเครือทั้งหมด เชื่อว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่ WHA Group มีความโดดเด่นในเรื่องอัตราผลการดำเนินงาน ที่มีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดอย่างแน่นอน